พระอาจารย์เล่าว่า "สมัยก่อนเมืองไทยมีจระเข้มากเป็นปกติ ช่วงประมาณรัชกาลที่ ๗-๘ ทางการปล่อยให้คนญวนมาล่าจระเข้ พอสมัยต้นรัชกาลที่ ๙ คนญวนก็ยังล่าจระเข้อยู่ อย่างจระเข้ที่บึงบอระเพ็ด โดนคนญวนกวาดจนเกลี้ยงเลย
เขาบอกว่าคนญวนไม่กลัวจระเข้ ถ้าพายเรือไปเห็นจระเข้มาก็พุ่งเข้าล็อกเลย จระเข้เป็นสัตว์ที่ถอดใจง่ายที่สุด สัตว์ทุกชนิดพอเจอสัตว์อื่นที่แข็งแรงกว่ามักจะยอมแพ้ อย่างที่เราเห็นว่าตัวเงินตัวทอง ๒ ตัวกอดกันอยู่ จริง ๆ นั่นเขากำลังสู้กัน ผลักกันไปผลักกันมา ถ้าตัวไหนแข็งแรงกว่า อีกตัวจะยอมแพ้แล้วหนีไปให้พ้นเขต ไม่ใช่กอดกันเพราะดีใจได้เจอเพื่อน
ถ้าคนญวนจับจระเข้ เขาจะกระโดดไปเกาะหลัง เสร็จแล้วเอาเท้ารัดช่วงขาหลัง เอาแขนรัดขาหน้า แล้วกลั้นหายใจ จระเข้ก็พลิกซ้ายพลิกขวาไปเรื่อย พอพลิกไป ๗-๘ รอบ เห็นว่าสะบัดไม่หลุด ก็จะยอมแพ้ ลอยนิ่ง ๆ ให้จับ แล้วเวลาจระเข้งับปากลง แรงงับจะมาก แต่จะไม่มีแรงอ้าปากขึ้น เพราะฉะนั้น..แค่เอาเทปมาพันปากไว้ก็ได้แล้ว จระเข้จะอ้าปากไม่ขึ้น เพราะมีแต่กำลังตอนงับลง แต่ไม่มีกำลังตอนอ้าปากขึ้น
ถ้าในน้ำลึกเราไม่ต้องกลัวจระเข้ แต่ถ้าครึ่งบกครึ่งน้ำจะน่ากลัวมาก เพราะจระเข้จะพลิกตัวกลับตัวได้เร็วมาก แต่ถ้าอยู่ในน้ำลึกจระเข้จะกลับตัวไม่ทัน เพราะไม่มีที่ให้เท้าหยั่ง จะต้องใช้หางว่ายแล้วตะแคงตัวเพื่ออ้าปากกัดเรา แบบนี้ไม่ทันกิน คนญวนรู้ก็เลยไม่กลัว พอล็อกจระเข้ได้ เห็นว่าสลัดไม่หลุดจระเข้ก็ยอมแพ้ โดนคนญวนถลกหนังไปขายหมด"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-11-2011 เมื่อ 16:41
|