หมอบอกว่า "ถ้าตรวจไม่พบอาการ โดยจรรยาแพทย์แล้วไม่สามรถจัดยาได้ครับ" ก็บอกว่า "ถ้าอย่างนั้นอาตมาขอกลับ" หมอบอกว่า "ท่านกำลังช็อคอยู่แล้วจะกลับอย่างไร ?" ก็เลยถามกลับไปว่า "แล้วหมอเคยเห็นคนไข้ช็อคแล้วคุยกับหมอได้แบบนี้ไหม ?" บอกว่าขอเวลา ๓ นาที รวบรวมกำลังใจได้ก็เดินขึ้นรถกลับ..!
เรื่องพวกนี้ ถ้าหากว่าเราตั้งท่ารับอยู่ก็พอที่จะรับไหว แต่ถ้าหากว่าเผลอปล่อยหลุด ก็จะออกอาการแบบครูบาบุญชุ่ม ก็คือถึงเวลาใจเราคิดอย่างหนึ่ง แต่ปากอาจจะพูดไปอย่างหนึ่ง หรือว่าใจเราอยากจะทำแบบนี้ แต่ถึงเวลาแล้วร่างกายกลับไปทำอีกอย่างหนึ่ง เพราะว่าสมองรวนหมดแล้ว
จึงไม่ใช่เรื่องที่บรรดาลูกศิษย์จะต้องกังวลว่าครูบาอาจารย์ตัวเองเป็นอย่างไร ? แล้วก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องไปเสื่อมศรัทธาว่าทำไมครูบาอาจารย์ของเราทำไมถึงเป็นแบบนี้ ? เพราะว่าอาการเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นได้ทุกคน บรรดาพระนักปฏิบัติ เวลาที่อาการกำเริบ อาการจะหนักกว่าคนทั่วไปอีก เพราะว่าสภาพจิตละเอียด สามารถรับอาการไข้ได้ทั้งหมด เพียงแต่ท่านจะแสดงออกหรือไม่เท่านั้น
กระผม/อาตมภาพเห็นคนจำนวนมากกังวลเรื่องนี้ จึงนำมาบอกกล่าวเอาไว้ว่า ใครไม่เคยเป็นมาลาเรีย จะไม่รู้หรอกว่ารสชาติชีวิตเป็นอย่างไร กระดูกกี่ข้อมีอยู่ตรงไหนก็รู้หมด ท่านสามารถขึ้นไปเทศน์ให้โยมเป็นหมื่นฟังได้ก็นับว่าเก่งมากแล้ว
จึงขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๑๐ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-08-2022 เมื่อ 01:51
|