ในส่วนของพิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุน แม้ว่าจะเริ่มขึ้นมาจากเครื่องรางของขลัง แต่นั่นเป็นส่วนน้อย ส่วนที่ตั้งใจจริง ๆ ก็คือ ถ้าคุณไปทางโลก จะมีแนวทางทำมาหากินที่ดีที่สุด ซึ่งองค์ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงสรุปมาให้แล้ว ก็คือเกษตรทฤษฎีใหม่ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง
แต่ถ้าคุณจะไปทางธรรม เราก็มีให้ ไล่ตั้งแต่ต่ำสุดไปจนสูงสุด คือเข้าถึงพระนิพพาน โดยที่จะมีหลวงปู่สายเป็นบุคคลตัวอย่าง พูดง่าย ๆ ว่าใครมาพิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุน ต้องการทำมาหากินทางโลก จะได้แนวคิดกลับไปทำ ต้องการปฏิบัติธรรม จะได้กำลังใจในการปฏิบัติ คือต้องการอะไรก็จะได้อย่างนั้นกลับไป ไม่ใช่มามือเปล่า แล้วก็กลับมือเปล่า
ฉะนั้น..ในส่วนนี้ถ้าหากว่าทางบริษัทเขาเสนอราคามาอยู่ในระดับที่ผมรับได้ ก็จะลงมือทำเลย เชื่อว่าถ้าทำเสร็จแล้ว ก็จะเป็นพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจไม่แพ้ที่อื่น คราวนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าจะคำนวณค่าใช้จ่ายอย่างไรในการที่จะเป็นค่าเข้าชม ซึ่งถ้าแพงไป คนไทยเราก็ไม่ให้ความสนใจ
แบบเดียวกับที่ผมไปปราสาทสัจธรรมประมาณ ๒๐ กว่าปีที่แล้ว ตอนนั้นก็ยังทำได้ไม่ถึงครึ่ง ขอซื้อตั๋ว ๕ ใบ เจ้าหน้าที่ถามว่า "ขออภัยเจ้าค่ะ พระอาจารย์รู้ไหมว่าราคาค่าเข้าชมเท่าไร ?" ก็เลยส่งแบงค์ห้าร้อยให้เขา ๕ ใบ บอกว่าศึกษามาแล้ว สมัยนั้นคนไทยเข้าดูคนละ ๕๐๐ บาท..! พอไปพิพิธภัณฑ์ร้อยเผ่าพันธุ์มังกร ค่าตั๋ว ๒๙๙ บาทต่อคน เท่ากับ ๓๐๐ บาท มีคนเข้าน้อยมาก แต่ผมเข้าไป เพราะว่าสิ่งที่เขาตั้งใจทำให้เราดู ไม่ใช่สิ่งที่จะเห็นได้ทั่วไป
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-05-2021 เมื่อ 02:42
|