ดูแบบคำตอบเดียว
  #11  
เก่า 28-09-2021, 20:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,764 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ความจริงแล้วท่านทั้งหลายสามารถทำได้ทุกคน แต่เพียงแต่ว่าท่านทั้งหลายขาดการสำรวมอินทรีย์ เมื่อถึงเวลา เราภาวนาไปได้ ๑ ชั่วโมง โอ๊ย...สมาธิดีเหลือเกิน จะเหาะจะบินได้ แล้วเราก็ไปนั่งเขี่ยไลน์เสีย ๒ ชั่วโมง แล้วจะเหลืออะไรละครับ ? ขาดทุนอีกด้วย เหมือนกับเราว่ายทวนน้ำมาอย่างเต็มที่ แล้วท่านก็ปล่อยมือให้ลอยตามน้ำไป เมื่อถึงเวลารู้ตัว ก็ว่ายทวนน้ำขึ้นมาใหม่ แล้วก็ปล่อยลอยตามน้ำไปอีก

วันแล้ววันเล่าก็เป็นอย่างนี้ เดือนแล้วเดือนเล่าก็เป็นอย่างนี้ ปีแล้วปีเล่าก็เป็นอย่างนี้ ท่านทั้งหลายก็จะเบื่อหน่าย ทำไมเราปฏิบัติเท่าไรไม่เห็นผลเลย ก็เพราะว่าท่านปล่อยให้กิเลสมาครอบครองใจ

ถึงเวลาตาอยากดูรูป เรารีบหาให้ดู หูอยากได้ยินเสียง เรารีบหาให้ฟัง จมูกอยากได้กลิ่น เรารีบหาให้ดม ลิ้นอยากได้รส เรารีบหาให้กิน กายอยากสัมผัส เรารีบหามา จะเย็นร้อนอ่อนแข็ง เลือกเอาตามฤดูกาล ใจอยากครุ่นคิด เราปล่อยให้คิด โดยที่ไม่คิดจะหยุดความคิดนั้นเลย แปลว่ากำลังที่ท่านสะสมได้จากการเจริญกรรมฐานสัก ๑๕ นาที ๒๐ นาที ๓๐ นาที แต่ท่านปล่อยให้รั่วออกทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ตลอด ๒๓ ชั่วโมงกว่า แล้วคิดว่าชีวิตนี้ของท่านจะประสบความสำเร็จในการพัฒนาจิตไหมครับ ?

ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายเห็นแล้วว่าจุดบกพร่องของเราคืออะไร เราต้องระมัดระวัง นักปฏิบัติที่ดีในระยะแรก พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดเจนแล้ว ต้องปลีกตัวออกจากหมู่ พูดง่าย ๆ ก็คือ ปันตัญจะ สะยะนาสะนัง ยืน เดิน นั่ง นอน ในที่อันสงัด

อะธิจิตเต จะ อาโยโค หมั่นประกอบในการทำจิตให้ตั้งมั่น ปราศจาก รัก โลภ โกรธ หลง แม้จะเป็นชั่วครั้งชั่วคราวก็ตาม
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-09-2021 เมื่อ 20:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 15 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา