ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 19-11-2021, 00:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,526
ได้ให้อนุโมทนา: 151,473
ได้รับอนุโมทนา 4,406,423 ครั้ง ใน 34,116 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ตัวกระผม/อาตมภาพเอง ก็เคยพลาดอยู่ถึง ๓ ปี กลายเป็น "ขี้ข้าชาวบ้าน" แม้ว่าตอนนั้นจะเป็นฆราวาส แต่ก็ถือว่าเป็นขี้ข้าชาวบ้านเขา เพราะว่าใครถามอะไรก็บอกเขาหมด แล้วพอได้รับคำชมเชยมาก็ "ตูดกระดก" ลอยทั้งตัว ก็เลยกลายเป็นขี้ข้าของชาวบ้านเขาด้วยความเต็มใจของตัวเอง เพราะว่าอยากได้คำชมอีก..!

จนกระทั่งได้สติขึ้นมา เพราะพินิจพิจารณาแล้วว่า การที่เราจะหลุดพ้นจากกองทุกข์นั้น ไม่ใช่เรื่องของอภิญญาสมาบัติ แต่เป็นเรื่องของปัญญาที่ต้องรู้แจ้งเห็นจริง และยอมรับสภาพความเป็นจริงของร่างกายของเรา และตลอดจนกระทั่งร่างกายคนอื่น วัตถุธาตุอื่น ๆ และยอมรับความจริงในโลกนี้ด้วย เมื่อเห็นจริงแล้วก็ปลดการยึดมั่นถือมั่นออก จึงสามารถที่จะหลุดพ้นไปได้

ไม่มีข้อไหนบอกว่าต้องได้ทิพจักขุญาณ ไม่มีข้อไหนบอกว่าต้องระลึกชาติได้ ไม่มีข้อไหนบอกว่าต้องรู้ว่าคนตายแล้วไปไหน ? คนและสัตว์ก่อนเกิดมาจากไหน ? ไม่จำเป็นต้องรู้อดีต รู้ปัจจุบัน รู้อนาคต มีอย่างเดียวก็คือปฏิบัติตามสายสุกขวิปัสสโก เพื่อเข้าถึงความสิ้นกิเลส

แต่เท่าที่พบมาก็คือจัดการกับทิพจักขุญาณไม่ถูก ได้มาแล้วก็ "เฟื่อง" คำว่า เฟื่อง ในที่นี้ ที่อาตมภาพเป็นก็คืออาการเดียวกัน "คะนอง" ใช้ทิพจักขุญาณในด้านที่ไม่ถูกต้อง ขาดปัญญา แยกแยะไม่ออกว่าปัจจุบันเราเป็นอะไร จึงไปเอาอดีตเป็นเครื่องยึด รู้แล้วแทนที่จะเข็ดว่า เราเกิดมาทุกข์ยากนับชาติไม่ถ้วน กลับรู้แล้วไปรื้อฟื้นความสัมพันธ์เก่า ๆ คนโน้นเป็นอย่างนั้นกับเรา คนนี้เป็นอย่างนี้กับเรา

บุคคลที่กำลังปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นจากทะเลทุกข์ แทนที่จะเร่งรีบ เพื่อที่ตัวเองจะได้ขึ้นสู่ฝั่ง พ้นจากภาระต่าง ๆ ไปเข้าสู่เขตแดนที่ปลอดภัย เรากลับไปกอดคอคนโน้นไว้ ฉุดรั้งคนนี้ไว้ด้วยความสัมพันธ์เก่า ๆ ท้ายที่สุดก็จมตายกันทั้งพรวน แล้วการที่เราใช้ทิพจักขุญาณผิด ไม่ได้มีความรู้ความสามารถที่แท้จริง ก็สร้างความเสียหายให้กับครูบาอาจารย์อย่างมาก จนกระทั่งกลายเป็นวลีที่กึ่งดูถูก กึ่งเยาะเย้ยว่า "อย่ามโน"..!

ดังนั้น...ที่กระผม/อาตมภาพว่าไป กล่าวไป ถ้าไม่มีหลักฐาน ก็คงได้แค่ "มโน" อย่างที่ทุกท่านว่า หรือคนอื่น ๆ ก็จะว่ากล่าวในลักษณะนี้ แต่ยังดีที่ว่าบางอย่างก็พอที่จะมีรูปถ่ายเป็นพยานหลักฐานได้ อย่างเช่นฉัพพรรณรังสีที่คลุมมณฑลพิธีอยู่ เป็นต้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-11-2021 เมื่อ 02:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา