ก่อนปฏิบัติธรรมช่วงเข้า วันเสาร์ที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕
พวกเราไม่ว่าจะเป็นพระ เป็นเณร เป็นฆราวาส เหมือนกันหมด อะไรที่ไม่ตอกย้ำหัวตะปูสั่งเอาไว้ ก็ทำตามแค่ที่ตัวเองนึกได้ แม้กระทั่งการปฏิบัติธรรม ก็รู้อยู่ว่า ทุกแปดโมงเช้าหลวงพ่อจะมานั่งอยู่ตรงนี้ แต่พอไม่ได้สั่งก็ปล่อยเลยเวลา อตฺตา หิ กิร ทุทฺทโม ขึ้นชื่อว่าการฝึกตนนั้นช่างยากจริงหนอ..!
พวกเราเหมือนกับนักโทษที่มีแต่จะโดนปรับโทษหนักขึ้นไปเรื่อย ๆ แต่ก็ไม่คิดที่จะขนขวายหนีไปให้พ้น แล้วอีกกี่ชาติถึงจะรอดจากวัฏสงสารได้ ? บางทีเราก็บอกว่าขอให้ถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ แต่สิ่งที่เราทำกับคำที่เราพูด ไปกันไม่ได้ เหมือนกับตั้งใจจะซื้อรถเบนซ์ แล้วก็ทำงานแค่วันละ ๑ ชั่วโมง กินยังไม่พอเลยแล้วจะไปซื้อรถ..!
ใครไปกินอาหารในตลาดมาบ้าง ? สารภาพมาเสียดี ๆ..! ในที่สุดกิเลสก็ชนะ อาหารที่วัดห่วย เราทนไม่ได้ เราเจออะไรที่เราชอบก็ต้องกินไว้ก่อน นั่นคือการตามใจกิเลส เราตามใจมาไม่รู้กี่ชาติแล้ว แต่กิเลสไม่เคยตามใจเราเลย ถ้าหากว่าเป็นเพื่อนแบบนี้ คิดว่าจะคบกันต่อไปไหม ?
ตาอยากเห็นรูปอะไร เราก็หาให้ดู
หูอยากได้ยินเสียงอะไร เราก็หาให้ฟัง
จมูกอยากได้กลิ่นแบบไหน เราหาให้ดม
ลิ้นอยากได้รสแบบไหน เราก็ไปนั่งตลาดหาให้กิน
กายต้องการสัมผัสแบบไหน เราก็อุตส่าห์ตะกายไปหามา
สรุปแล้วกิเลสไม่เคยพอ ได้แล้วก็อยากได้อีก ได้มากก็อยากได้มากยิ่งขึ้น
แต่พวกเราก็มักจะไม่มีกำลังเพียงพอที่จะต่อต้านกับกิเลส เพราะว่าอันดับแรกเลยก็คือเราชอบด้วย
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-01-2023 เมื่อ 01:12
|