ดูแบบคำตอบเดียว
  #7  
เก่า 02-10-2021, 22:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,634
ได้ให้อนุโมทนา: 151,878
ได้รับอนุโมทนา 4,415,021 ครั้ง ใน 34,224 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อท่านทั้งหลายเริ่มก้าวเข้าสู่อัปปนาสมาธิขั้นต้น กำลังของสมาธิเริ่มมากขึ้น ก็จะเกิดการส่งผล คือกดให้กิเลส รัก โลภ โกรธ หลง ระงับดับลงชั่วคราว จะปรากฏอาการเยือกเย็นทั้งทางกายและทางใจ อย่างที่ไม่ปรากฏมาก่อน บาลีเรียกตรงนี้ว่า สุข

ความสุขเยือกเย็นที่ปรากฏขึ้นนี้ เกิดขึ้นเพราะอะไร ? เกิดขึ้นเพราะว่ากิเลสใหญ่คือ รัก โลภ โกรธ หลง โดนอำนาจของสมาธิกดดับลงชั่วคราว กิเลสทั้งหลายเหล่านี้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเปรียบเหมือนกับกองไฟ พระองค์ท่านตรัสเอาไว้ว่า ราคัคคิ ไฟคือราคะ โลภัคคิ ไฟคือโลภะ ความโลภ โทสัคคิ ไฟคือโทสะ ความโกรธ โมหัคคิ ไฟคือโมหะ ความหลง

ไฟใหญ่ ๔ กองนี้เผาลนเราอยู่ตลอดเวลาทั้งวันทั้งคืน ทำให้เราทุกข์ยากเร่าร้อนอยู่ตลอดเวลา เมื่อสมาธิเริ่มมีกำลังสูงขึ้น กดให้ไฟ ๔ กองนี้ดับลงได้ชั่วคราว บุคคลที่โดนไฟเผาอยู่ตลอดเวลา เมื่อไฟดับลงนั้นมีความสุขอย่างไร ย่อมไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ ดังที่บาลีกล่าวว่า ปัจจัตตัง คือเป็นของที่รู้เฉพาะตนเท่านั้น ไม่สามารถที่จะอธิบายออกมาได้ว่าสุขแบบไหน

ถ้าหากว่าเราไม่ได้สนใจ ไม่ได้ใส่ใจ กับอาการสุขเยือกเย็นทั้งกายและใจที่ปรากฏขึ้น จิตใจเราก็จะก้าวเข้าสู่ระดับอัปปนาสมาธิ ที่เรียกว่า ปฐมฌาน

คำว่าฌานนั้น ไม่ใช่ของยากจนเกินไป ฌาน ถ้าหากว่าแปลตามรากศัพท์ แปลว่า ความเพ่งอย่างหนึ่ง ก็คือจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งใด โดยไม่คลอนแคลนไปไหน อีกอย่างหนึ่ง แปลว่า ความเคยชิน สิ่งหนึ่งประการใดที่เคยชินจนกลายเป็นอัตโนมัติ สามารถเรียกว่าฌานได้เช่นกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-10-2021 เมื่อ 02:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา