วัดท่าขนุนของเรามีกฎเกณฑ์กติกาอย่างหนึ่งก็คือ ถ้าไม่บิณฑบาตก็ไม่ต้องกิน..! ปรากฏว่าสมัยนี้เขาไม่กลัวกัน เพราะว่าโทรสั่งแกรบฟู้ด หรือว่าฟู้ดแพนด้ามาส่ง ถ้าใครยังขืนทำต่อไป เดี๋ยวจะมีรางวัลใหญ่ให้..! เพราะว่าแหกคอกธรรมเนียมของพระพุทธเจ้า ที่บิณฑบาตจนวาระสุดท้ายของพระชนมชีพ แหกคอกคำสั่งของพระอุปัชฌาย์อาจารย์ที่บอกให้บิณฑบาตเลี้ยงชีพ
กระผม/อาตมภาพเจอญาติโยมที่คุ้นเคยบางท่าน ถึงขนาดออกปากว่า "หลวงพ่อเป็นใหญ่เป็นโตขนาดนี้แล้ว ยังต้องบิณฑบาตเองอีกหรือ ? วัดโน้นเขาเพิ่งเป็นเจ้าอาวาสก็ให้สามเณรบิณฑบาตเลี้ยงแล้ว" กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่บอกว่า พระพุทธเจ้าบิณฑบาตจนวันสุดท้ายของพระชนมชีพ ไม่ได้รอให้สามเณรบิณฑบาตมาเลี้ยง..!
ส่วนในเรื่องของการเจริญพระกรรมฐานนั้น ต้องการทั้งประโยชน์ปัจจุบัน ก็คือช่วยให้กำลังใจของเราสงบระงับ รัก โลภ โกรธ หลง ไม่สามารถจะกินใจได้ ต่อให้ไม่สามารถที่จะจัดการกับ รัก โลภ โกรธ หลง ลงไปได้อย่างเด็ดขาด แต่ว่าอย่างน้อยก็ต้องให้สงบระงับชั่วคราว เพื่อที่จะไม่สร้างความทุกข์ให้แก่พวกเรามากนัก แล้วทำให้สามารถอยู่สุขอยู่เย็นในผ้าเหลืองได้ งานพวกนี้จึงเป็นงานที่เราต้องทำเป็นปกติอยู่แล้ว
ช่วงก่อนที่นักเรียนบาลีของวัดท่าขนุนไปเรียนที่สหบาลีศึกษานครปฐม พักอยู่ที่วัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร ก็เอาวัตรปฏิบัติของวัดท่าขนุนไปใช้ ก็คือทำวัตรเช้าเย็น บิณฑบาตเลี้ยงชีพ แล้วก็มีคำร่ำลือว่า "อย่าได้ไปอยู่คณะ ๒ นะมึง..เคร่งฉิบหายเลย..!" ซึ่งกระผม/อาตมภาพไม่เห็นว่าเคร่งตรงไหน เพราะว่าเราทำกันเป็นปกติทุกวัน
แต่สำหรับท่านทั้งหลายเหล่านั้นก็คือโทรสั่งอาหารมาฉัน อ้างว่าเรียน ไม่มีเวลาสวดมนต์ไหว้พระ ไม่มีเวลาเจริญพระกรรมฐาน เจอพระวัดท่าขนุนเข้าไป ทำงานทุกอย่างที่ขวางหน้า แถมสอบได้ทุกปี น้อยครั้งที่จะตก วัดอื่นก็เลยอ้างไม่ออก ต้องยกให้เป็นความขี้เกียจเฉพาะตนไป..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-12-2022 เมื่อ 05:22
|