"คราวนี้ความชัดเจนแจ่มใสในมโนมยิทธินั้นมี ๒ ประการด้วยกัน ประการแรกคือขยันฝึกซ้อม เรื่องนี้ไม่ต้องห่วง อาตมาขยันสุด ๆ สมัยก่อนช่วยงานอยู่ข้างองค์หลวงพ่อวัดท่าซุงที่บ้านสายลม ซักซ้อมทรงอารมณ์อยู่ตลอดเวลา ญาติโยมมาถวายอะไร กระทั่งจำนวนเงินในซองเท่าไรก็ยังรู้
มีบางท่านพอวางซองลง อาตมาแจกแหนบหลวงพ่อให้ แล้วหยิบซองฉีกโยนลงถังขยะไปเลย เล่นเอาลุงเอี๊ยงที่อยู่ใกล้ ๆ ตาเหลือก รีบตะครุบขึ้นมาดู บอกไปว่า “เขาเอากระดาษใส่มา” ลุงก็พลิกขึ้นมาดู เจอกระดาษหนังสือพิมพ์เก่า ๆ ยัดมาในซอง เขาอยากได้วัตถุมงคลแต่ไม่อยากทำบุญ เพราะฉะนั้น..ต้องซ้อมให้ได้ขนาดนั้น
แต่ว่าพวกเราส่วนใหญ่แล้วมักจะเบื่อ ขณะเดียวกันก็หน้าบาง ถ้าหน้าบางนี่อย่าหวังว่าจะปฏิบัติอะไรแล้วสำเร็จง่าย ๆ คำว่าหน้าบางในที่นี้ก็คือ พอผิดแล้วอาย จำไว้ว่า..ทำความดีต้องหน้าด้าน ยิ่งถ้าเป็นลูกศิษย์วัดท่าขนุน หน้าไม่ด้านพอไม่ต้องมา เพราะว่าเจ้าอาวาสด่ากระจาย..! ผิดอย่ากลัว โบราณเขาบอกว่า “ผิดเป็นครู” ผิดแล้วจำไว้ว่าเราวางอารมณ์อย่างไรแล้วผิด ถ้าถูกให้จำว่าเราวางอารมณ์อย่างไรแล้วถูก ซักซ้อมบ่อย ๆ เราจะจำได้เองว่าถ้าอารมณ์นี้ก็ใช่แน่
ในเมื่อเป็นอยู่ในลักษณะอย่างนี้ บางทีญาติโยมก็คงจะผิดจนเป็นศาสตราจารย์ ดร. จนหมดแล้ว ไม่ได้ผิดแค่เป็นครูเฉย ๆ ผิดบ่อยเหลือเกิน..!"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-04-2019 เมื่อ 03:23
|