ดูแบบคำตอบเดียว
  #5  
เก่า 05-12-2022, 00:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,450
ได้รับอนุโมทนา 4,406,089 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ถ้าหากว่าเราทำจนเป็นปกติก็จะเป็นของง่าย ก็เหมือนกับญาติโยมไปเดินขึ้นเขา เอาแค่ยอดเขาพระพุทธเจติยคีรี หอบแฮ่ก ๆ หยุดพักไป ๓ เที่ยว ๕ เที่ยวเป็นอย่างน้อย แต่ถ้าหากว่าเดินตามกระผม/อาตมภาพ ก็ต้องเดินรวดเดียวถึงยอดเขา..!

แล้วถ้าหากว่ายิ่งไปเจอพี่น้องม้ง น่าจะไม่เกิน ๒ นาทีก็ไปอยู่บนยอดเขาแล้ว ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าเขาทำกันเป็นปกติ เพราะฉะนั้น..ถ้าหากว่าให้เราไปขึ้นเขาแข่งกับพี่น้องม้ง เราก็ตาย มีวิธีเดียว คือท้าให้มาวิ่งแข่งบนพื้นราบ

กระผม/อาตมภาพเคยเจอมาแล้ว สมัยที่ย้ายไปอยู่ศูนย์การทหารม้า จังหวัดสระบุรี มีพี่น้องม้งที่มาเรียนนักเรียนนายสิบตามโครงการสร้างผู้นำชุมชน ปรากฏว่าวิ่งล้มแผละ ล้มแผละตลอด เพราะว่าเขาเคยชินกับการยกเข่าสูง ขณะที่คนพื้นราบเตะเท้าออกก็วิ่งเลย ตัวเองมัวแต่ยกเข่าอยู่ เพื่อนก็ชนร่วง แต่ถ้าเราขึ้นเขาเมื่อไรเราตาย..! พี่น้องม้งไปยังยอดเขาแล้ว เรายังนั่งหอบอยู่กลางเขา นั่นคือลักษณะของการทำจนชินแล้วไม่รู้สึกว่าลำบาก

เรื่องของการปฏิบัติธรรมก็เช่นเดียวกัน ถ้าเราทำจนชินอยู่ทุกวัน ถึงเวลาก็นึกได้ว่าจะต้องทำ เมื่อเคยชิน ซึ่งถ้าใช้บาลี คำว่า ชิน ก็คือฌาน เมื่อเคยชินแล้ว ความลำบากไม่มี กลายเป็นธรรมชาติของเรา เราถึงจะมีกำลังเพียงพอที่จะสู้กิเลสได้

ดังนั้น..ในส่วนของพระภิกษุสามเณรของเรา การสวดมนต์ทำวัตร บิณฑบาต กรรมฐาน ถือว่าเป็นงานปกติที่จำเป็นต้องทำ ส่วนญาติโยมทั้งหลาย ถ้าคิดจะเป็นนักปฏิบัติธรรมที่ดีจริง ก็ต้องนำไปทำด้วย ไม่เช่นนั้นแล้วโอกาสที่เราจะชนะกิเลสจะมีน้อยมาก

เพราะว่าในเรื่องของการเอาชนะกิเลส ต้องถึงพร้อมด้วยศีล สมาธิและปัญญา ถ้าหากว่าสมาธิของเรายังไม่คล่องตัวถึงขนาดทรงได้ทุกอิริยาบถ จะทำการทำงานอะไรก็สามารถทรงสมาธิได้ ถ้ายังไม่ถึงระดับนี้ โอกาสชนะกิเลสยังเป็นศูนย์อยู่ ถ้าทำถึงระดับนี้เมื่อไร แล้วลองไปรบกับกิเลสดู ถึงจะแพ้มากกว่าชนะ แต่เราก็มีโอกาสชนะได้บ้าง

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๔ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-12-2022 เมื่อ 05:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา