ดูแบบคำตอบเดียว
  #5  
เก่า 14-10-2021, 23:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,107
ได้รับอนุโมทนา 4,404,003 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลายท่านถ้าหากว่าภาวนาไปถึงระดับปีติแล้ว เราจะรู้สึกว่าอิ่มอกอิ่มใจ แม้กระทั่งความร้อนความหนาวของอากาศ ก็ไม่สามารถที่จะกระทบกระเทือนเราได้ จะร้อนจะหนาวอะไรก็ตาม เรารู้สึกสดชื่นอิ่มเอิบอยู่เสมอ ตัวนี้แหละที่เรียกง่าย ๆ ว่าอาหารใจ ถ้าเราสามารถรักษาระดับกำลังใจเอาไว้ได้ เราก็จะไม่ต้องไปแสวงหาอาหารอื่นเสียด้วยซ้ำไป เพราะว่าอยู่ด้วยธรรมปีติ

ตรงจุดนี้ กระผม/อาตมภาพเคยศึกษาจากครูบาอาจารย์และสอบถามรายละเอียดแล้ว ครูบาอาจารย์ท่านตอบว่า ความจริงแล้วร่างกายยังกินอาหารตามปกติ แต่เป็นการกินในส่วนละเอียด ก็คือดึงเอาธาตุ ๔ ดิน น้ำ ไฟ ลม รอบข้างเข้าไปเอง ด้วยระดับกำลังใจที่ถึงแล้ว สามารถทำในส่วนนั้นได้โดยอัตโนมัติ ดังนั้น..จึงอยู่ได้โดยอาหารใจ คือ ธรรมปีติ

เราเองไม่สามารถที่จะทำถึงขนาดนั้นได้ ก็ดูว่าในช่วงที่เราปฏิบัติธรรม เมื่อสามารถที่จะกำหนดพองยุบได้โดยอัตโนมัติ ไม่จำเป็นที่จะต้องไปจับเป็นระยะเวลานาน ๆ หรือว่าต้องมุ่งมั่น จ้องมอง กำหนด แต่ว่าทุกอย่างเป็นไปเอง ถ้าหากว่าถึงตอนนั้นแล้ว เราจะรู้สึกว่ามีความสดชื่นอิ่มเอิบเป็นพิเศษ ถ้ารักษาอารมณ์นั้นเอาไว้ได้ บางทีก็ไม่รู้สึกหิวไปเป็นวัน ๆ

ในเมื่อเป็นในลักษณะเช่นนั้น ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายมีการซักซ้อม จนมีความคล่องตัว สามารถรักษาระดับของกำลังใจเอาไว้ได้ เรียกว่า มีความชำนาญที่เป็นวสี ไม่ว่าจะเป็นสมาปัชชนวสี ชำนาญในการเข้าสมาธิ วุฏฐานวสี ชำนาญในการออกสมาธิ เป็นต้น เรียกว่าคล่องตัวในวสี ๕ นึกจะเข้าเมื่อไรก็ได้ นึกจะออกเมื่อไรก็ได้ ต้องการเข้าเป็นระยะเวลามากน้อยเท่าไรก็ได้

ถ้าลักษณะอย่างนั้น เราแค่รักษากำลังใจอยู่ในระดับของปีติ ก็จะสามารถที่จะอยู่ได้ โดยที่ไม่ต้องอาศัยอาหารหยาบจากภายนอก แต่ว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ บางทีก็เกินความสามารถของเรา แต่ขอให้เข้าใจว่า ถึงเวลาท่านไม่ได้พักแต่ร่างกาย แต่ว่าใจได้พักด้วย เนื่องจากว่าใจของเรานั้นฟุ้งซ่านอยู่ตลอดเวลา เหมือนอย่างกับบุคคลที่ทำงานอยู่ตลอดเวลา เมื่อสามารถเข้าสู่ความสงบอย่างแท้จริง ใจของเราได้พักด้วย ก็ทำให้เราหายเหนื่อย หายเพลียจากกิจการงานทุกอย่าง ซึ่งก่อนหน้านั้น รู้สึกว่าพักเท่าไร ก็ไม่หายเหนื่อย พักเท่าไรก็ไม่หายเพลีย เป็นเพราะว่าขาดการพักทางใจนั่นเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-10-2021 เมื่อ 01:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 20 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา