ส่วนข้อสุดท้ายที่ว่า เป็นแบบนั้นก็คือ ส่วนใหญ่แล้วพระภิกษุสามเณรที่บวชอาศัยอยู่กับพระอุปัชฌาย์อาจารย์ท่านใด ส่วนหนึ่งก็คือความชอบใจในปฏิปทาที่พระอุปัชฌาย์อาจารย์ท่านนั้น ๆ แสดงออกมา เราจึงต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับท่าน
เรื่องนี้กระผม/อาตมภาพเห็นมาด้วยตัวเอง ก็คือว่ามีวัดวาอารามหนึ่ง ซึ่งมีญาติโยมเข้าไปให้การสนับสนุนในระดับเป็นล้านคน พระภิกษุสามเณรในวัดนั้นก็จะแต่งตัวในลักษณะที่สวยงาม เป็นระเบียบเรียบร้อย "เนี้ยบสุด ๆ" ใช้แต่ของดีของแพงเข้าว่า เลียนแบบตามเจ้าอาวาสที่ท่านทำอย่างนั้น
ส่วนอีกสำนักหนึ่งก็ทำตัวปอน ๆ แม้กระทั่งรองเท้าก็ไม่ใส่ ถึงเวลาฉันภัตตาหารก็ต้องฉันมังสวิรัติ เป็นต้น บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายก็เลียนแบบทำตาม ถึงขนาดอาบน้ำก็ต้องไม่เกิน ๕ ขัน..! ก็แปลว่าสิ่งที่เจ้าอาวาสท่านได้กระทำนั้น เป็นแบบอย่างให้แก่พระภิกษุสามเณร และญาติโยมทั้งหลายได้เลียนแบบและกระทำตาม
ท้ายสุดพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระพรหมกวี ท่านสรุปให้เจ้าอาวาสทั้งหลายได้ฟังว่า โบราณกล่าวว่า "อยากเป็นเปรตให้เป็นทายก อยากตกนรกให้เป็นสมภาร"
ตรงนี้เราท่านทั้งหลายต้องคิดให้ดีว่าทำไมทายกถึงต้องเป็นเปรต ? และทำไมสมภารถึงต้องตกนรก ? เราจะมีวิธีการใดที่จะกันตัวเองออกมา ไม่ให้เป็นเปรตหรือว่าไม่ให้ตกนรก ก็ฝากเป็นการบ้านให้แก่เจ้าอาวาสใหม่ทั้งหลายนำไปคิดไปตรองดู
สำหรับวันนี้กระผม/อาตมภาพได้เก็บเอาความรู้จากในงานอบรมเจ้าอาวาส มาฝากแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๒๒ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-05-2022 เมื่อ 03:14
|