ตอนเป็นทหาร เพื่อนชวนไปเที่ยวซ่อง อยากจะไปกับเขาบ้าง แต่คราวนี้ทหารถึงเวลาไปก็ไปกันทั้งกองร้อย..! ถ้าไปตามเวลาของเขา เขาก็ไม่ต้องทำมาหากินกันพอดี ก็ต้องไปนอกเวลา ประมาณบ่าย ๒ บ่าย ๓ รถจีเอ็มซีวิ่งเข้าไป นั่นเป็นเวลานอนพักของเขา พอโดนบรรดาพ่อเล้าแม่เล้าลากตัวออกมา แต่ละคนหัวเป็นกระเซิง หน้าซีดเหมือนผีตายซาก เพราะว่ายังไม่ได้แต่งหน้าแต่งตัวอะไรเลย กระผม/อาตมภาพเห็นเข้าก็หมดอารมณ์ สรุปว่าอะไรที่เพื่อนทำ กระผม/อาตมภาพทำไม่ได้สักอย่าง ก็คือประเภทที่โดนตีกรอบมาแล้วว่าเรื่องประเภทนั้นห้ามเด็ดขาด..!
และโดยเฉพาะเกิดในครอบครัวคนจีน เฉพาะโยมแม่คนเดียวมีลูก ๑๓ กระผม/อาตมภาพเป็นคนที่ ๑๐ มีน้องอีก ๓ คน แต่ขอโทษ...พี่ที่เหลืออยู่ ๘ คน (เนื่องจากว่าตายไปคนหนึ่ง) หาหลานมาให้เลี้ยง ๓๒ คน..! เลี้ยงหลานจนเข็ด นี่เป็นประการที่หนึ่ง
ประการที่สองก็คือ บังเอิญรู้ว่าตัวเองต้องบวช ถึงขนาดสมัยก่อน เขาไม่มีเฟซบุ๊ก ไม่มีสไกป์ ไม่มีอินสตาแกรมเหมือนสมัยนี้ สมัยโน้นอย่างดีก็มีแค่สมุดเฟรนด์ชิป ส่วนใหญ่ที่เขียนลงไปก็คือ ชื่ออะไร นามสกุลอะไร วันเดือนปีเกิดอะไร อดีตเป็นอะไร ปัจจุบันเป็นอะไร อนาคตเป็นอะไร ก็เขียนให้เพื่อนไป
กระผม/อาตมภาพเขียนไว้ตั้งแต่เรียนชั้น ป.๗ จบใหม่ ๆ ว่า อนาคต "ดำเนินตามรอยบาทพระศาสดา" ทำให้ไม่กล้ามีครอบครัว เพราะเหตุว่าถ้ามีครอบครัวก็ต้องรับผิดชอบ เดี๋ยวบวชไม่ได้ประการหนึ่ง อีกประการหนึ่งคือเลี้ยงหลานจนเข็ด ถ้าให้ตัวเองต้องไปเลี้ยงแบบนั้นอีกก็คงจะไม่เอาแน่
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 17-02-2022 เมื่อ 07:33
|