“ปัจจุบันนี้มี สส.ยื่นร่างกฎหมายใหม่ จะให้บุคคลที่บวชพระต้องศึกษานักธรรมชั้นตรีและนวโกวาทให้คล่องตัวก่อนแล้วค่อยบวช ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องไปหาใครบวชหรอก เพราะว่าพระที่บวชยังต้องใช้เวลาทั้งพรรษาในการศึกษา
แล้วอีกอย่างหนึ่ง เรื่องกฎเกณฑ์ในการบวชนั้น มหาเถรสมาคมก็ระบุไว้ชัดเจนแล้วว่า พระอุปัชฌาย์อาจารย์ต้องมีคุณสมบัติอย่างไร สัทธิวิหาริกคือผู้ที่จะเข้ามาบวชเป็นพระ ต้องมีคุณสมบัติอย่างไร แต่ว่าท่านทั้งหลายเหล่านี้นอกจากจะไม่ได้ศึกษาแล้ว ยังคิดว่าตัวเองฉลาด พยายามที่จะช่วยเหลือพระพุทธศาสนาด้วยการออกกฎหมายมาบังคับ กลายเป็นโง่แล้วขยัน..!
ในเรื่องของพระพุทธศาสนานั้น อยู่ด้วยพระธรรมวินัยไม่ได้อยู่ด้วยกฎหมาย กฎหมายบ้านเมืองเราเคารพและปฏิบัติตาม แต่ว่าสิ่งที่ใช้ตัดสินความเป็นพระหรือไม่ใช่พระนั้น มีพระธรรมวินัยอยู่พร้อมสมบูรณ์ทุกอย่างแล้ว ถ้าท่านทั้งหลายกำหนดกฎเกณฑ์ต่าง ๆ เพิ่มขึ้นมา ระวังจะเกิดโทษหนักกับตัวเอง ก็คือไปบัญญัติในสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติ ไปเพิ่มเติมในสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่ได้เพิ่มเติม เรียกว่าตายแล้วจะรู้ว่าโทษนี้เป็นอย่างไร แต่ก็มักจะเสียใจไม่ทันแล้ว”
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-07-2020 เมื่อ 02:15
|