ดูแบบคำตอบเดียว
  #195  
เก่า 25-03-2020, 08:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,632 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ประการต่อไปก็คือ ถ้ารู้ว่าเป็นศิษย์ใคร ก็จะรู้ว่าครูบาอาจารย์ท่านอยู่ระดับไหน ควรที่จะลองของไหม ฝ่ายโน้น...กูลูกศิษย์หลวงพ่อไปล่ วัดกำแพง ฝ่ายนี้ก็กูลูกศิษย์หลวงพ่อพุ่ม วัดบางโคล่ เดี๋ยวก็ตีกันกระจาย ต่างคนต่างลอง ประเภทร่างกายต้องการแรงปะทะ ถึงเวลาต่างคนต่างทำอะไรกันไม่ได้ ก็กลับวัด กลับบ้าน

สมัยก่อนคนอยู่วัดกับอยู่บ้านก็ใกล้เคียงกัน ก็คือพวกไปฝึกวิชาการกับครูบาอาจารย์ก็อยู่วัด พวกเจนจบกลับมามีครอบครัวก็อยู่บ้าน สมัยนั้นหลวงพ่อวัดท่าซุงกับเพื่อนก็เอากับเขาด้วย ท่านบอกว่าทหารเรือส่วนใหญ่เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อพุ่ม วัดบางโคล่ ถ้าใครเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อหรุ่นก็สักยันต์ ๙ ยอด

หลวงพ่อท่านเล่าให้ฟัง ท่านบอกว่า ปล่องเหลี่ยม งูดิน พิณ ๓ สาย ๓ เหล่าของทหารเรือ ผู้บังคับบัญชาปวดหัวทุกที ปล่องเหลี่ยมก็กรมอู่ทหารเรือ งูดินก็กรมแพทย์ พิณ ๓ สายก็ดุริยางค์ พวกนี้ว่างเยอะ ไม่มีอะไรจะทำ ไปหาครูบาอาจารย์จนกระทั่งตัวเองหนังดี แล้วเที่ยวไปไล่ตีแถวบ้านเขา

ต้องบอกว่าหนังดีจริง ๆ เพราะว่าสมัยโน้นเขาใช้มีดโกน มีดโกนสมัยก่อนตัวมีดกับด้ามเป็นอันเดียวกัน แล้วส่วนใหญ่เป็นทองเหลือง สะบัดคมมานี่ประเภทโกนขนหน้าแข้งร่วงกราว คมยิ่งกว่ามีดโกนสมัยนี้อีก โดนแบบนั้นยังไม่เข้าก็ถือว่าใช้ได้ หรือไม่ก็บางคนได้วิชาชาตรีมา โดนตีร่วงทั้งยืนลุกขึ้นมาไม่เป็นไรเลย พอถามครูบาอาจารย์ ครูเดียวกันก็เลิกตีกัน ถ้าคนละครูก็ยังไม่แน่ใจ ขอลองอีกหน่อย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-03-2020 เมื่อ 10:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 141 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา