ดูแบบคำตอบเดียว
  #14  
เก่า 07-12-2021, 23:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,594 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แยกให้ออกครับ พอแยกเป็นดิน ๑ กอง เป็นน้ำ ๑ กอง เป็นลม ๑ กอง เป็นไฟ ๑ กอง ก็ไม่เหลืออะไรเป็นเราจริง ๆ เลยนะครับ พอปั้นขึ้นมาใหม่ มีหัว มีหู มีหน้า มีตา จิตคือตัวเรามาอาศัยอยู่ตามบุญตามกรรม เรากลับไปยึดว่าเป็นเรา เป็นของเรา ปัญญาไม่ถึงนี่เรายึดจริง ๆ นะครับ ไม่ได้ยึดแต่ตัวเราเท่านั้น ยังยึดคนอื่นด้วย คนโน้นก็พ่อกู นั่นแม่กู โน่นผัวกู นี่เมียกู นั่นลูกกู แล้วก็ยังไม่พอ นั่นเพื่อนกู ท้ายสุดแม้กระทั่งหมาของกู..!

ไอ้ที่หนักกว่านั้นก็คือขี้ของกูครับ จะฆ่ากันตายมาแล้วนะครับ คนสองคนเดินทางเข้าป่าไปล่าสัตว์ด้วยกัน พอออกท้ายหมู่บ้าน กลิ่นขี้เหม็นมาครับ ไอ้เพื่อนก็ด่าขึ้นมา "ไอ้ห่...ใครมาขี้ทิ้งไว้วะ ? เหม็นฉิบหายเลย" ไอ้เพื่อนที่เดินมาด้วยกันนั่นละครับ ถีบโครมเข้าให้ "มึงว่ากูขี้เหม็นหรือวะ ?" ขนาดขี้ยัง "ขี้ของกู" เลยนะครับ แล้วจะไปเอาอะไรมากมายกว่านี้ได้ละครับ

ข้อที่ ๑๒ อิทธิวิธินิเทส สามารถแสดงฤทธิ์ผาดแผลงต่าง ๆ ด้วยอำนาจของกสิณ ๑๐ อย่าง อย่างเช่นว่า ถ้าหากว่าใช้กสิณดิน ก็ดำดินหายไปได้เลย ถ้าใช้กสิณลม ก็เหาะให้ดูต่อหน้าต่อตา ถ้าหากว่าใช้กสิณไฟ ก็สร้างไฟขึ้นมา สามารถไล่เผาศัตรูได้ เป็นต้น

ตรงจุดนี้ต้องบอกว่า ถ้าใครทำได้ จะมี "กฎเกณฑ์อะไรบางอย่าง" ที่คอยควบคุมอยู่ ไม่เช่นนั้นแล้วก็ได้เล่นกันจนกระทั่งบรรลัยวายวอดกันหมดละครับ ไม่ชอบใจใครก็ถลุงมันเลย มีอำนาจมากครับ สามารถชี้เป็นชี้ตายให้คนอื่นได้ ดังนั้น...คนที่จะฝึกมาถึงระดับนี้ได้ ต้องยอมรับกฎของกรรมในระดับหนึ่งครับ ไม่เช่นนั้นแล้วก็เป็นเรื่องยากครับ

ปริจเฉทต่อไป เขาเรียกว่า อภิญญานิเทส กล่าวถึงอภิญญา ๖ ประการ ตั้งแต่ ทิพโสต ทิพจักขุ มโนมยิทธิ ไล่ไปเรื่อย ปุพเพนิวาสานุสติญาณ จุตูปปาตญาณ อาสวักขยญาณ เป็นต้น แต่ถ้าหากว่าท่านเรียนมาในนักธรรมชั้นตรี จะเห็นว่าสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส พระองค์ท่านเป็นนักวิชาการครับ ไม่ใช่นักปฏิบัติ ท่านก็เลยตีค่าอภิญญาจนกระทั่งเหลือแค่สลึงเดียวครับ ของที่ราคาหลายล้าน ท่านตีค่าเหลือสลึงเดียว ตีอย่างไรรู้ไหมครับ ?

ท่านบอกว่า "ทิพโสต อย่างเช่นบุคคลที่หูดี ฟังได้ไกล ฟังได้ไว หรือสมัยนี้มีโทรศัพท์ใช้ เป็นต้น ทิพจักขุคือบุคคลที่สายตาดี เห็นได้ไกล เห็นได้ไว หรืออย่างสมัยนี้ มีแว่นตาใช้ เป็นต้น อื่น ๆ ให้ลองพิจารณาดู สามารถสงเคราะห์ลงสู่ข้อไหนก็นับว่าเป็นข้อนั้น"..!

ฉิบหา..แล้วครับท่าน...! เพราะว่าอภิญญาที่พระพุทธเจ้าว่าไว้
กระผม/อาตมภาพบอกแล้วว่าเป็นของราคาเป็นล้าน ท่านตีราคาเหลือแค่สลึงเดียว..! ก็คือพยายามจะเอาเข้ามาให้คนเห็นได้ จับได้ ต้องได้

แต่คราวนี้ตัวอภิญญา อภิ แปลว่ายิ่งกว่า อัญญา คือความรู้ เป็นความรู้ที่ยิ่งเกินกว่าคนทั่ว ๆ ไปจะมีครับ ไม่ใช่ทุกคนก็มีได้ ก็อย่างว่าละครับ พระองค์ท่านแต่งหนังสือเยอะแยะขนาดนั้น จะให้พิจารณาให้รอบคอบไปทีเดียว ก็ย่อมจะเป็นไปไม่ได้ แล้วพระองค์ท่านก็มาจากนักวิชาการล้วน ๆ ไม่ใช่สายปฏิบัติ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พอถึงเวลาพระองค์ท่านเองว่าผิดไปบ้าง เพี้ยนไปบ้าง เราก็ต้องยอมรับนะครับว่า สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เรายังต้องมาศึกษาเพิ่มเติมว่า สิ่งที่ถูกต้องนั้นเป็นอย่างไร
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 10-12-2021 เมื่อ 22:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 12 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา