ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 07-05-2010, 10:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default วันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๐

วันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๐

การปฏิบัติของเรา ทำไปเพื่อประโยชน์หลายสถานด้วยกัน อันดับแรก เพื่อประโยชน์ของตน พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ว่า

๑. ทิฏฐธรรมมิกัตถประโยชน์* คือ ประโยชน์ในชาติปัจจุบัน บุคคลที่กำลังใจทรงตัวตั้งมั่นไม่หวั่นไหว จิตใจจะสงบเยือกเย็น มีปัญหาทางโลกก็มีสติแก้ไขได้ มีปัญหาทางธรรมก็มีปัญญาแก้ไขได้ ทำให้เราอยู่สุขอยู่เย็นในชาติปัจจุบันนี้

๒. สัมปรายิกัตถประโยชน์ อันนี้เป็นประโยชน์ในชาติต่อไป ถ้าหากว่ากำลังใจทรงตัวตั้งมั่น ก็จะไปเกิดเป็นเทวดา เป็นนางฟ้า เป็นพรหมได้ แปลว่า เรามีสุคติเป็นที่ไป

๓. ปรมัตถประโยชน์ เป็นประโยชน์สูงสุด คือ ประโยชน์ในทางธรรมโดยเฉพาะ ถ้าปฏิบัติดี ปฏิบัติถูก ก็จะเข้าถึงความเป็นพระอริยะเจ้าตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป จนกระทั่งหลุดพ้นเข้าสู่พระนิพพานได้ อันนี้เป็นประโยชน์เฉพาะตัวของเรา

ประโยชน์ต่อไปก็คือว่า คนรอบข้างที่อยู่ใกล้เรา ถ้าหากว่าเราเป็นผู้ที่ดีพร้อมด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ คนอยู่ใกล้ก็จะสงบเยือกเย็นตามไปด้วย แปลว่า ได้รับความสงบ ความร่มเย็นจากการที่เราเป็นผู้ปฏิบัติดี มีกาย มีวาจา มีใจ ที่ดี

อันดับต่อไปก็คือ ญาติโยมของเราที่ล่วงลับไปแล้ว ต้องการส่วนกุศลนี้จากเรา แม้แต่บุคคลที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ต้องการ ดังนั้นว่า เราทำความดีอยู่ทุกวันนี้ ต้องระลึกอยู่เสมอว่าเราไม่ได้ทำเพื่อตัวเองเท่านั้น ยังมีบุคคลอีกจำนวนมากที่ต้องการความดีส่วนนี้จากเรา โดยเฉพาะพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเรามาด้วยความเหนื่อยยาก



หมายเหตุ :
* ขุ.ม. ๒๙/๒๙๒/๒๐๕ ; ๓๒๐/๒๑๗ ; ๗๒๗/๔๓๒ : ขุ.จู. ๓๐/๖๗๓/๓๓๓
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-05-2010 เมื่อ 18:26
สมาชิก 117 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา