แต่ถ้าสำหรับพระภิกษุสามเณรของเรา ต้องมากกว่านั้นครับ เหตุที่ต้องมากกว่านั้นก็เพราะว่า เราเป็นศาสนบุคคล เป็นผู้ที่ยืนยันถึงการมีอยู่จริงของพระพุทธศาสนา เพราะว่าได้สืบสายของความเป็นพระภิกษุสามเณรมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลจนป่านนี้ แต่คราวนี้เราจะยืนยันด้วยการมีตัวตนเฉย ๆ ไม่ได้นะครับ เราต้องยืนยันด้วยหลักธรรมของพระพุทธเจ้าว่าดีอย่างไร จึงต้องปฏิบัติขัดเกลา กาย วาจา ใจ ของเรา ให้ยิ่งกว่าญาติโยมเขา
ในแต่ละวันเราออกบิณฑบาต ถึงเวลาญาติโยมนำเอาปัจจัยไทยธรรมมาถวาย ท่านทั้งหลายเคยรู้สึกไหมครับว่า "เราเองสมควรแก่สิ่งที่ญาติโยมเขาถวายหรือไม่ ? เรามีความดีอะไรที่ญาติโยมเขาเห็น แล้วเขาถึงได้มาทะนุบำรุง ? ความดีเหล่านั้นเรามีเพียงพอแล้วหรือยัง ?" เป็นเรื่องที่ท่านทั้งหลายต้องมีจิตสำนึก พินิจพิจารณากันเองนะครับ
เพราะว่าญาติโยมทั้งหลายเวลามาทำบุญ คนโน้นต้องการอย่างนั้น คนนั้นต้องการอย่างนี้ สิ่งที่เขาต้องการทุกอย่างนั้น ก็คือต้องการจากเรานะครับ เหมือนอย่างกับว่าคนยากจนมาหาเศรษฐี เขาไม่ได้มาหาเฉย ๆ เขามาขอเงินด้วย ถ้าเราเป็นคนรวยที่มีเงินน้อย ถึงเวลาคนโน้นมาขอไปร้อยหนึ่ง โยมคนนี้มาขอไปสองร้อย คนนั้นมาขอไปห้าร้อย คนโน้นเอาไปพันหนึ่ง ถึงเวลาแล้วเราจะหมดตัวนะครับ..!
เราจึงต้องเพียรพยายามที่จะกระทำให้เกิดอานิสงส์ให้มากไว้ ถึงเวลาญาติโยมทั้งหลายมาแล้วต้องการ เราจะได้มีเพียงพอให้กับเขา ไม่อย่างนั้นก็ต้องกู้หนี้ยืนสินกินทุนเดิม แล้วเราบวชไปก็ขาดทุนอยู่ทุกวัน ในเมื่อโอกาสดีเช่นนี้มาแล้ว ภายใน ๑๐ วันนี้ ลองดูกันได้เลยครับ
ในเรื่องของการปฏิบัติธรรมนั้น ถ้าตั้งใจจริง ๆ ๓ วัน ๕ วัน ก็รู้เรื่องแล้ว ท่านทั้งหลายอาจจะตั้งใจหาตัวบทพระคาถาสักบทหนึ่ง ที่เขาบอกว่าดีทางแคล้วคลาด ดีทางคงกระพัน ดีทางค้าขาย ดีทางเมตตามหานิยม อะไรก็ได้ครับ มาภาวนาในช่วง ๑๐ วันนี้ เอาให้เกิดผลไปเลยครับ เราจะได้มีอะไรดีต่างจากคนอื่นเขา ไม่เช่นนั้นแล้วเราไม่มีอะไรพอที่จะอวดเขาได้นะครับ
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-12-2021 เมื่อ 18:30
|