คำว่า "อุปาทาน" ก็คือการที่เรายึดมั่นกับของเก่า ของเดิม สิ่งที่ได้ยินมา สิ่งที่ได้ฟังมา สิ่งที่ได้ทำมา ในเมื่อเรายึดของเดิมโดยไม่ยอมเปลี่ยนแปลง ไม่ยอมปล่อยวาง โอกาสที่จะเข้าถึงความดีสูงสุดย่อมเป็นไปไม่ได้
ตรงนี้ผมเห็นความ "โหด" ของหลวงพ่อวัดท่าซุงอยู่อย่างหนึ่ง ก็คือท่านเชื่อว่าลูกศิษย์ของท่านฉลาดพอที่จะแยกแยะออกได้ สอนเสร็จแล้วท่านทิ้งเลย ประมาณว่า "มึงไปหาทางออกเอาเอง" ตรงจุดนี้ต้องบอกว่า ท่านเป็นครูบาอาจารย์ที่เชื่อมั่นในความสามารถของลูกศิษย์ เพียงแต่ลูกศิษย์เองจะมีความสามารถเท่าที่ครูบาอาจารย์ไว้ใจหรือเปล่า ?
ส่วนพวกท่านทั้งหลายเอง กระผมเห็นว่า ถ้าหากไม่บอกก็คงจะโง่ไปอีกนาน...! จึงได้บอกให้รู้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ว่าจะเลือกเอาแบบไหน ถ้าจะไปทางวิสุทธิมรรค ก็วิ่งเข้าหาศีล สมาธิ ปัญญาตรง ๆ ไปเลย แต่ถ้าคิดว่าการทำแบบนั้น เหมือนอย่างกับเราตั้งใจที่จะเดินทางรอบโลก ถ้าไม่มีที่ให้แวะ ไม่มีที่ให้พักเสียบ้าง ก็รู้สึกว่าจืดชืดแห้งแล้งเกินไป เราก็ฝึกฝนเอาไว้ อย่างน้อย ๆ ถึงไม่ได้ใช้งานเอง เมื่อเวลาญาติโยมเดือดร้อน ก็ยังพอที่จะแบ่งเบาบรรเทาความเดือดร้อนของเขาได้
กระผม/อาตมภาพเอง เดี๋ยวต้องไปเข้าปฏิบัติธรรมของทางมหาจุฬาอาศรม ซึ่งต้องทำต่อเนื่องทุกวันอาทิตย์ ๓ อาทิตย์ติดต่อกัน ก็แปลว่าช่วงทำวัตรค่ำของวันอาทิตย์ทุกวัน จะไม่ได้เจอหน้ากระผม/อาตมภาพอีก อย่างน้อยก็อีก ๒ ครั้ง
จึงขอโอกาสเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา ตลอดจนกระทั่งบอกกล่าวให้แก่ญาติโยมเอาไว้แต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๑๒ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๔
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-09-2021 เมื่อ 01:57
|