ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 25-06-2021, 23:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,530
ได้ให้อนุโมทนา: 151,474
ได้รับอนุโมทนา 4,406,689 ครั้ง ใน 34,120 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๒๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๔ ช่วงประมาณอาทิตย์หนึ่งที่ผ่านมา จะมีคลิปที่ส่งกันในกลุ่มไลน์ หัวข้อชัดเจนมากว่า "พระกับขอทานต่างกันตรงไหน ? ไปหุงข้าวกินให้เป็นเสียก่อนดีไหม ค่อยมาสอนชาวบ้านเขา ?"

ถ้าใครฟังไม่จบ ดีไม่ดีก็ด่าคนออกคลิปไปแล้ว แต่ความจริงก็คือเขามาตอบคำถามตรงนี้ว่า พระต่างกับขอทานตรงไหน ? เนื่องจากว่ามีบรรดานักบวชที่สิ้นสติ ไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุหรือสามเณร ออกไปแสดงบทบาทที่ไม่สมควร ด้วยการไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง แล้วก็ทำให้ฝ่ายตรงข้ามด่ามาในลักษณะนี้ แต่คราวนี้ใครจะชี้แจงเรื่องนี้ก็ตาม ความชัดเจนจะไม่เหมือนกับพระของเราชี้แจงเอง

โดยเฉพาะในเรื่องของการบวช มีการว่ากล่าวกันไปต่าง ๆ นานาว่า การบวชนั้นมีทั้ง "อกหัก หลักลอย คอยงาน สังขารเสื่อม เอือมเจ้านาย ยายให้บวชแก้บน..!" เหล่านี้ เป็นต้น ถ้าหากว่าในบาลีก็มีอุปชีวิกา บวชเพื่อเลี้ยงชีพ ไม่รู้จะทำมาหากินอะไร อุปกีฬิกาบวชเอาสนุก เห็นเวลาคนอื่นเขาบวชมีแห่ตึงตังโครมคราม มีเลี้ยงโต๊ะจีนมีอะไร ก็อยากทำอย่างนั้นบ้าง แต่ที่สำคัญคืออุปนิสฺสรณิกา บวชเพื่อการพ้นทุกข์

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา กำหนดนักบวชไว้ในฐานะเดียวกับขอทาน ก็คือต้องขอเขากิน คำว่า ภิกขุ หรือที่เปลี่ยนเป็นภาษาไทยว่า ภิกษุ มีความหมายหนึ่งว่า "ผู้ขอ" ก็คือ ภิกขาจาร มีความประพฤติในการขออาหารเป็นปกติ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-06-2021 เมื่อ 02:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา