ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 13-01-2010, 07:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,489
ได้ให้อนุโมทนา: 151,149
ได้รับอนุโมทนา 4,405,388 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คราวนี้..ศีลนั้นบัญญัติขึ้นในพรรษาที่ ๒๑ ของพระพุทธเจ้า เพราะว่าช่วง ๒๐ ปีแรกนั้น ส่วนใหญ่แล้วเป็นพระอริยเจ้าทั้งหมด ท่านรู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร แต่พอระยะหลังการบวชแพร่หลายไปเรื่อย ๆ จากการประทานเอหิภิกขุ คือ พระพุทธเจ้าบวชให้ด้วยพระองค์เอง ก็กลายเป็นให้สงฆ์บวชด้วยญัตติจตุตถกรรม บุคคลที่บวชเข้ามาเป็นปุถุชนเสียมาก ก็เลยมีการทำผิดพลาดขึ้นมา ต้องเริ่มบัญญัติศีลไล่ไปเรื่อย พระพุทธเจ้าประกาศศาสนา ๔๕ ปี ช่วง ๒๕ ปีหลัง คณะสงฆ์เริ่มมีปัญหามากขึ้น เพราะคนร้อยพ่อพันแม่เริ่มเข้ามาบวชด้วยกัน ต้องมีข้อห้ามอย่างนั้น ข้อห้ามอย่างนี้ โดยเฉพาะภิกษุที่เขาเรียก ฉัพพัคคีย์ ก็คือ พวก ๖

พระภิกษุพวก ๖ นี่สุดยอดมนุษย์เลย มีพระปัณฑุกะ พระโลหิตกะ พระเมตติยะ พระภุมมชกะ พระอัสสชิ พระปุนัพพสุกะ ท่านทั้ง ๖ นี้ เวลาจะทำอะไรมีการวางแผนชนิดยอดเยี่ยมมาก คำนวณเลยว่า เมืองสาวัตถีนี้ประกอบไปด้วยคนสองล้านครอบครัว มีมหาเศรษฐีมาก บวชแล้วเราควรจะไปอยู่ที่นั่น พอ ๖ คนบวชด้วยกันแล้วแยกกันไปอยู่คนละทิศละทาง แล้วก็ก่อปัญหาสารพัด

แต่คราวนี้เวลาเขาจะทำอะไร เขาทำในแบบที่ว่าไปไม่ล้ำเส้น เรื่องไหนที่ไม่ห้ามเขาทำ...พอห้ามเมื่อไรก็หยุด พระฉัพพัคคีย์และพระโลลุทายีเป็นต้นกำเนิดศีลเกือบ ๒๒๗ ข้อ ต้องบอกว่าเป็นบุญคุณของท่านจริง ๆ ไม่อย่างนั้นเราจะไม่มีศีลมากขนาดนั้น เพราะท่านทำทุกเรื่อง อาตมาอ่านประวัติท่านไปก็เครียดแทน ลองมานึกว่าถ้าเราเป็นพระพุทธเจ้า แล้วมีลูกศิษย์ประเภทหาเรื่องให้ทุกวัน แล้วไม่ใช่ใกล้ ๆ นะ เทียบแล้วกีฏาคีรีชนบทก็ประมาณสุไหงโกลก ส่วนพระพุทธเจ้าอยู่กรุงเทพฯ แล้วเขาก่อเรื่องที่นั่น พระองค์ก็ต้องตามไปสอบสวนกัน

ครั้งแรกท่านไปเผาป่า แล้วมีคนตายไปหลายคน พระพุทธเจ้าสอบสวนว่า"เธอมีเจตนาหรือไม่ ?" เขาบอกว่า"ไม่มีเจตนา" พระพุทธเจ้าบอกว่าถ้าอย่างนั้นเธอโดนอาบัติถุลลัจจัย ไม่โดนปาราชิก ภิกษุฉัพพัคคีย์เลยรอดไป ครั้งต่อมาก็เผาอีก พระพุทธเจ้าถามว่า "เธอตั้งใจหรือเปล่า ?" ภิกษุฉัพพัคคีย์บอกว่า"ตั้งใจ" คราวนี้โดนปาราชิก เราจะเห็นความดีของคนสมัยก่อนว่าพูดจริงทำจริง ไม่โกหก ถามอย่างไรก็ตอบจริง ทำอย่างไรก็รับอย่างนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-02-2014 เมื่อ 16:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 81 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา