เพียงแต่ว่าเรื่องพวกนี้เราต้องประเมินกำลังตัวเองด้วย ถ้าหากว่ากำลังตัวเองไม่พอแล้วไปเลียนแบบทำตาม เดี๋ยวก็ได้ตายกันบ้าง..! อย่างที่โบราณบอกว่า "เห็นช้างขี้ อย่าได้ขี้ตามช้าง" เพราะถ้าไม่ใช่ช้างด้วยกัน ขี้อย่างไร ก็ก้อนไม่ใหญ่เท่านั้น จึงเป็นเรื่องที่ให้พวกเราฟังกันเอาไว้เท่านั้นเอง แล้วก็คาดว่าคงจะไม่มีใครกล้าทำแบบนี้ ไอ้คนที่กล้าทำยังไม่เกิด แล้วไอ้คนที่คิดจะทำก็มีหวัง "โดน" แน่นอน..!
ดังนั้น..ในเรื่องของการก่อสร้าง ถ้าหากว่าเราวางกำลังใจได้ จะช่วยในเรื่องของมรรคผลได้เร็วมาก เพราะว่าการปฏิบัติของพวกเรา ถ้าไปภาวนาอย่างเดียว กระผม/อาตมภาพทำมาเองแล้ว ไปไม่รอดหรอก เพราะว่ากำลังของเรามีจุดสิ้นสุด พอถึงเวลาเหมือนกับแบตเตอรี่ที่ชาร์จเต็มแล้ว ไม่สามารถที่จะบรรจุต่อไปได้ ต้องหาทางใช้ให้ไฟฟ้าที่ชาร์จอยู่นั้นหมดลง หรือน้อยลง เพื่อที่จะเพิ่มเติมได้ ก็คือต้องหางานทำ
แต่คราวนี้ตอนที่ทำงาน ก็ต้องระมัดระวังกำลังใจของตนเองด้วยว่า อย่าให้ฟุ้งซ่านตามงานไป หรือถ้าหากว่าอย่างแย่ ๆ เลย เวลางานใจเราจดจ่ออยู่กับงาน ก็คือใช้กำลังสมาธิไปอยู่กับงานนั้น ๆ ไม่ไปสนใจเรื่อง รัก โลภ โกรธ หลง อื่น ๆ พอเลิกงานแล้วใจเราก็อยู่กับกรรมฐาน ก็คือรีบกลับเข้ามาหาความสงบของเราให้เร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นแล้ว ถึงเวลาถ้าหากว่ากำลังใจของเราฟุ้งซ่าน จะเอาคืนได้ยากมาก
เรื่องพวกนี้พวกเราต้องมีประสบการณ์เอง ถ้าหากว่าให้ออกไปทำกันเองตั้งแต่ต้น ไม่มีประสบการณ์ในการช่วยเหลืองานการต่าง ๆ ภายในวัด เราจะจัดการกับกำลังใจตนเองไม่ถูก เมื่อถึงเวลา ถ้าการงานต่าง ๆ ประเดประดังเข้ามาแล้วกำลังใจไม่พอ เราก็อาจจะสึกหาลาเพศไปเลย..!
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น สิ่งที่เราต้องระวังไว้ให้มากที่สุดก็คือ ในแต่ละวันกำลังใจของเราต้องละนิวรณ์ให้ได้ในระยะเวลายาวนานที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ ถ้าท่านใดสามารถทรงฌานได้แล้ว ให้เอาสติประคับประคองให้ฌานนั้นอยู่กับเราให้นานที่สุด ถ้าเผลอสติเมื่อไร ก็จะโดนกิเลสดึงเราหัวทิ่ม แต่ก็ไม่ต้องไปเสียเวลาสนใจ ให้รีบวิ่งกลับไปหาการภาวนาของเราใหม่
อย่างที่กระผม/อาตมภาพเคยเปรียบเทียบเอาไว้หลายครั้งแล้วว่า คนสองคนเดินมา ล้มลงพร้อมกัน คนหนึ่งลุกได้ก็ไปต่อเลย ขณะที่อีกคนหนึ่งมัวแต่นั่งคร่ำครวญอยู่ "เจ็บเหลือเกิน ปวดเหลือเกิน เดินมาตั้งไกลแล้ว ไม่น่าล้มเลย" ระหว่างสองคนนี้ใครจะได้ระยะทางมากกว่ากัน ? ก็ต้องคนที่ล้มแล้วลุกไปต่อเลย อย่ามัวแต่ไปเสียดายอะไรกับของที่ตกแตกกระจายไปแล้ว ให้เริ่มต้นหาใหม่ทันที
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-02-2023 เมื่อ 01:50
|