ดูแบบคำตอบเดียว
  #5  
เก่า 01-11-2022, 00:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,530
ได้ให้อนุโมทนา: 151,474
ได้รับอนุโมทนา 4,406,561 ครั้ง ใน 34,120 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กังขาวิตรณวิสุทธิ คือความลังเลสงสัยต่อผลการปฏิบัติที่เป็นสังโยชน์ใหญ่ข้อ ๒ คือวิจิกิจฉา ก็จะหลุดพ้นไป หมดความสงสัยโดยสิ้นเชิงแล้ว เพราะเห็นคุณของศีลและสมาธิชัดเจน

ดังนั้น..ความลังเลสงสัยในผลของการปฏิบัติไม่มี ความเคารพมั่นคงในพระรัตนตรัยก็ปรากฏขึ้น ก็ย่อมปฏิบัติตามที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนไว้ คือพยายามที่จะละสักกายทิฏฐิ คือความเป็นตัวกูของกูให้ได้

คราวนี้พระโสดาบันละสักกายทิฏฐิไม่มาก แค่รู้ตัวอยู่เสมอว่าเราต้องตายเท่านั้น แล้วเป็นศีล สมาธิ ปัญญาอย่างไร ?

การเว้นจากสีลัพพตปรามาส เป็นศีล เมื่อเข้าถึงจิตตวิสุทธิจัดเป็นสมาธิ ทำให้ละเว้นจากวิจิกิจฉา เมื่อใช้ปัญญาเพิ่มเติมเข้าไป รู้ตัวอยู่เสมอว่าตนเองจะต้องตาย ตั้งเป้าไว้ชัดเจนว่าตายแล้วจะไปพระนิพพาน นี่เป็นปัญญา ถึงพร้อมด้วยศีล ด้วยสมาธิ ด้วยปัญญา ซึ่งกระจายออกก็คือมรรคมีองค์ ๘

คราวนี้ถ้าจะเอาชัดเจน ก็ขยับมาอีกหน่อยหนึ่ง มาที่พระอนาคามีเลย ไม่ต้องกล่าวถึงพระโสดาบันกับพระสกทาคามี เพราะว่าห่างกันแค่กระพริบตาเดียว ถ้าไม่สามารถทรงอัปปนาสมาธิถึงระดับฌาน ๔ คล่องตัว ก็ไม่สามารถที่จะละราคะและโทสะได้เด็ดขาด แปลว่า ความเป็นจิตตวิสุทธิของพระอนาคามีนี่ต้องเต็ม ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์จริง ๆ

นอกจากที่จะรักษาศีลอย่างบริสุทธิ์บริบูรณ์ หมดความสงสัยในการปฏิบัติธรรม ก็แปลว่าเข้าถึงกังขาวิตรณวิสุทธิ ก็ตั้งหน้าตั้งตาดำเนินตามหนทางไปสู่ญาณทัสสนะอันบริสุทธิ์ เรียกว่ามัคคามัคคญาณทัสสนะวิสุทธิ

ขณะที่กำลังดำเนินตามไปบนหนทางแห่งมรรคทั้ง ๘ เรียกว่าปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธิ การปฏิบัติตามแนวทางเพื่อเข้าถึงญาณทัสสนะอันบริสุทธิ์

คราวนี้ปัญญาจะเห็นเพิ่มขึ้นมา นอกจากรู้ตัวอยู่เสมอว่าต้องตายแล้ว ยังรู้ตัวอยู่เสมอว่า ตนเองก็ดี คนอื่นก็ดี สัตว์อื่นก็ดี มีความสกปรกโสโครกเป็นปกติ ร่างกายนี้ไม่ใช่แท่งทึบ ประกอบไปด้วยจักรกลภายในภายนอกมากมายไปหมด ต่อให้อาบน้ำชำระกายวันละ ๒ รอบ ๓ รอบ ก็ยังเต็มไปด้วยของสกปรกหลั่งไหลออกมาตลอดเวลา เกิดความเบื่อหน่าย คลายกำหนัด สภาพจิตถอนจากการยึดมั่นถือมั่นทั้งตนเองและผู้อื่น เข้าถึงความเป็นพระอนาคามี

ก็แปลว่า รักษาศีลตามสภาพแล้ว สภาพจิตทรงฌาน ๔ คล่องตัว มีปัญญามองเห็นชัดเจนว่าร่างกายตนเองและผู้อื่นหาสาระแก่นสารไม่ได้ มีแต่ความสกปรก น่าเบื่อหน่าย น่ารังเกียจเป็นปกติ

ถ้าจะเอาชัดที่สุด ต้องขยับไปที่พระอรหันต์ การที่จะเห็นโทษของการยึดติดในรูป โดยเฉพาะรูปฌาน เราบอกว่าจะไปกรุงเทพฯ แต่มายืนกอดต้นเสาอยู่ตรงนี้ ย่อมไปไม่ได้แน่ ก็แปลว่ารูปฌานเป็นแค่เครื่องอาศัยเท่านั้น ไม่ใช่สิ่งที่เรายึดถือเป็นสรณะในชีวิต อรูปฌานก็เช่นเดียวกัน แค่ช่วยให้เรามีจิตบริสุทธิ์ชั่วคราว เพราะระงับกิเลสได้ แต่ไม่ใช่ที่พึ่งที่ระลึกอย่างแท้จริง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-11-2022 เมื่อ 02:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา