ชื่อกระทู้: อุทิศบุญ
ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 31-01-2021, 06:32
สุพรรณหงส์'s Avatar
สุพรรณหงส์ สุพรรณหงส์ is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2013
ข้อความ: 22
ได้ให้อนุโมทนา: 41,535
ได้รับอนุโมทนา 6,008 ครั้ง ใน 200 โพสต์
สุพรรณหงส์ is on a distinguished road
Default

ให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกของเราอยู่ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา จะจับการกระทบของลมฐานเดียวก็ได้ ๓ ฐานก็ได้ ๗ ฐานก็ได้ หรือว่ารู้ตลอดกองลมก็ได้ ส่วนคำภาวนาให้ใช้ตามที่เราถนัดมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๒๙ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ เป็นการปฏิบัติธรรมวันแรกของเดือนกุมภาพันธ์ ระยะนี้กระแสของลูกเทพมาแรงมาก ซึ่งถ้าหากจะดูกันตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา ก็อยู่ในหลักของไตรลักษณ์ คือ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป นั่นเอง

ในเรื่องของเทวดานั้น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้มีการตรัสสอนเอาไว้ อยู่ในส่วนของอนุสติ ๑๐ ก็คือในส่วนของเทวตานุสติกรรมฐาน พระองค์ท่านสอนว่า ให้ระลึกว่าเทวดามีความดีอย่างไร แล้วเราก็กระทำความดีเช่นนั้นบ้าง เราก็จะสามารถเป็นเทวดาเป็นนางฟ้าอย่างนั้นได้ เทวดาขั้นสูงขึ้นคือพรหม มีความดีอย่างไร เราปฏิบัติตามนั้น เราก็สามารถเป็นพรหมได้ หรือว่าบรรดาพระวิสุทธิเทพ ก็คือบรรดาพระอรหันต์ต่าง ๆ ที่อยู่บนพระนิพพาน ท่านมีความดีอย่างไร เราปฏิบัติตามนั้น เราก็สามารถที่จะหลุดพ้นจากกองทุกข์ เข้าสู่พระนิพพานได้เช่นกัน

ในส่วนของเทวตานุสติกรรมฐาน ถ้าเราระลึกถึงเฉย ๆ ก็จะมีความดีน้อย แต่ถ้าเราสามารถระลึกถึงและปฏิบัติตาม ก็จะสามารถพัฒนา กาย วาจา ใจ ของเรา ให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป จนกระทั่งสามารถล่วงพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานได้

ในขั้นต้นนั้น เทวดาท่านประกอบไปด้วยคุณความดีอย่างน้อย ๓ ประการ ประการแรกคือมี หิริ ได้แก่ ความละอายต่อความชั่ว ข้อที่ ๒ มีโอตตัปปะ คือกลัวผลของความชั่วนั้นจะตามมาสนองตนเอง ดังที่บาลีกล่าวว่า หิริโอตตัปปะ สัมปันนา สุกกะธัมมะ สะมาหิตา สันโต สัปปุริสา โลเก เทวะธัมมาติ วุจจะเร ท่านกล่าวไว้ชัดเลยว่า นี่คือเทวธรรม เป็นธรรมที่ทำให้เป็นเทวดา

ในข้อที่ ๓ นั้น เทวดานางฟ้าทุกท่าน ล้วนแล้วแต่มีศีลบริสุทธิ์บริบูรณ์ ถ้าหากว่าเราตั้งใจรักษาศีลของเราให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ มีความละอายชั่วกลัวบาป ก็เท่ากับว่าเราปฏิบัติในเทวธรรม คือหลักธรรมที่ทำคนให้เป็นเทวดานั่นเอง

ถ้าหากว่าเราต้องการจะเป็นเทวดาระดับที่สูงยิ่งขึ้นไป ได้แก่พรหมทั้งหลาย เราก็ต้องสร้างเสริมฌานสมาบัติให้เกิดขึ้นด้วย ก็คือนอกจากมีหิริโอตัปปะ มีศีลบริสุทธิ์บริบูรณ์แล้ว ยังต้องพยายามบำเพ็ญภาวนา จนกระทั่งเกิดฌานสมาบัติขั้นใดขั้นหนึ่งขึ้นแก่ตน และรักษากำลังใจที่ทรงฌานนั้นเอาไว้ให้ได้เป็นปกติ เราก็สามารถที่จะไปเกิดเป็นพรหมได้ตามกำลังที่ตนเองเข้าถึงฌานสมาบัติ

หรือถ้าจะเอาสูงยิ่งไปกว่านั้น สามารถตัดราคะและโทสะได้ ท่านก็จะเป็นสุทธาวาสพรหมชั้นใดชั้นหนึ่ง ก็คือบรรดาพรหมทั้งหลายที่เข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้าระดับพระอนาคามี แต่ถ้าท่านไม่ยินดีในการเกิดอีก ตั้งใจที่ก้าวให้พ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ ก็ให้ตั้งใจรักษาศีลทุกสิกขาบทของตนให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีล ไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นละเมิดศีล ทำความเคารพในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์อย่างจริงใจ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ตั้งใจอยู่เสมอว่า ถ้าหากว่าตายลงไปเมื่อไร เราขอไปพระนิพพานแห่งเดียว

หลังจากนั้นให้พิจารณาตัดกิเลสตามสังโยชน์ทั้ง ๑๐ ตั้งแต่สักกายทิฐิไปจนถึงอวิชชา ในแต่ละวันพยายามทบทวนดูอยู่เสมอว่า สังโยชน์ข้อใดที่ยังร้อยรัดเราอยู่ พยายามตัด พยายามละเสียให้ได้ ถ้าท่านสามารถละสังโยชน์ ๑๐ ได้โดยสมบูรณ์ ท่านก็จะกลายเป็นพระวิสุทธิเทพ คือเทวดาผู้บริสุทธิ์สิ้นเชิง ได้แก่ พระอรหันต์ทั้งหลายที่เข้าสู่พระนิพพานไปแล้วนั่นเอง

ลำดับต่อไป ขอให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา
.........................
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันศุกร์ที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๕๙

https://www.watthakhanun.com/webboar...hp/t-4833.html

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุพรรณหงส์ : 31-01-2021 เมื่อ 06:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 19 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุพรรณหงส์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา