ส่วนอาหารใจนั้น ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายทำไป ตอนต้นยังไม่เป็นไร ก็คือ เราอาจจะกำหนดเวลาของเรา ๑ ชั่วโมง ๒ ชั่วโมงได้ตามใจ แต่ถ้าหากว่าปีติเริ่มเกิด จะรู้สึกไม่อิ่ม ไม่เบื่อ ไม่หน่ายในการปฏิบัติธรรม บางท่านก็โหมกันข้ามวันข้ามคืน แล้วหลังจากนั้น บางที "พัง" ไปเป็นเดือน ๆ เลย เพราะว่าการปฏิบัติธรรมก็เหมือนกับการทำงาน เราทุ่มเทกับงานอย่างชนิดหามรุ่งหามค่ำ เมื่อถึงเวลา "หมดสภาพ" ขึ้นมา เราก็ไม่สามารถที่จะทำงานต่อได้อีก
ดังนั้น...ตรงจุดนี้ต้องพิจารณาในมัชฌิปมาปฏิปทาให้จงหนัก เพราะว่าบางท่านนั่งกรรมฐาน ๓ วัน ๓ คืน รู้สึกว่ากำลังดี แต่ของเราเอง ๓๐ นาทีก็แย่แล้ว ถ้าลักษณะอย่างนั้น พอครบ ๓๐ นาที เราก็ต้องเปลี่ยนอิริยาบถ ไปเดิน หรือว่าไปยืน เหล่านี้เป็นต้น ก็จะทำให้เราสามารถประคับประคองรักษากำลังใจของเราให้ต่อเนื่องไปได้
ไม่อย่างนั้นถ้าไปถึงที่สุดของกำลังใจแล้ว เหมือนอย่างกับแบตเตอรี่เต็ม เราไม่สามารถที่จะชาร์จต่อได้ ขืนชาร์จไป ดีไม่ดีหม้อแบตฯ ก็ระเบิด แต่ว่านักปฏิบัติของเราหม้อแบตฯ ไม่ได้ระเบิด แต่ไประเบิดอารมณ์ใส่คนอื่นเขา ตรงจุดนี้ต้องระวังเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น คำถามนี้..คำตอบเดียวคืออยู่ที่ตรงมัชฌิมาปฏิปทาและทำให้ต่อเนื่องเท่านั้น ขอเจริญพร
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
ธรรมบรรยาย เรื่อง อาหารใจ
วันอังคารที่ ๑๒ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-10-2021 เมื่อ 02:15
|