คราวนี้ในส่วนของการอบรมนั้น ก็จะเน้นในเรื่องของงานการปกครองคณะสงฆ์ทั้ง ๖ ด้าน ได้แก่ ด้านการปกครอง ด้านการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ด้านการศาสนศึกษา ด้านการสาธารณูปการ คือการก่อสร้างและปฏิสังขรณ์วัดวาอาราม ด้านการศึกษาสงเคราะห์ คือช่วยเหลือเกี่ยวกับการเรียน และช่วยเหลือโรงเรียนในด้านต่าง ๆ
ตลอดจนกระทั่งด้านการสาธารณสงเคราะห์ คือการช่วยเหลือเป็นการทั่วไปเมื่อเกิดสาธารณภัย ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วม ไฟไหม้ แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิดในที่ใดก็ตาม ถ้าอยู่ในขอบเขตที่ตนเองสามารถจัดการได้ หรือว่าอยู่ในขอบเขตความรับผิดชอบของตน ก็ถือว่าเป็นหน้าที่ของเจ้าอาวาสที่จะต้องไปให้การช่วยเหลือทันที เพราะว่าบุคคลที่เดือดร้อนนั้น ก็คือญาติโยมที่ให้การสนับสนุนวัดวาอารามของเรานั่นเอง
อีกส่วนหนึ่งที่บรรดาเจ้าอาวาสใหม่ได้รับก็คือ ประสบการณ์ของพระสังฆาธิการเจ้าคณะปกครองชั้นสูง ตั้งแต่ระดับมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่ เจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัด และเจ้าคณะอำเภอ เป็นต้น ที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาให้ประสบการณ์ต่าง ๆ ที่ตนเองผ่านมาแล้วในการเป็นเจ้าอาวาส ซึ่งบางท่านก็เป็นเจ้าอาวาสมาถึง ๕๐ กว่าปี เป็นต้น
ในวันนี้พระเดชพระคุณพระเทพมหาเจติยาจารย์ (ชัยวัฒน์ ปญฺญาสิริ ป.ธ.๙) เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม ท่านก็ได้ให้ข้อคิดว่า โบราณบอกว่า "การปกครองนั้น กรุณาต้องให้สมกับเหตุ โกรธต้องให้สมกับอำนาจ การเพิ่มพูนต้องให้สมกับการตัดรอน" ตรงนี้ถ้าหากว่าไม่ได้รับคำอธิบาย บางท่านก็อาจจะเข้าใจเพียงเลา ๆ เท่านั้น
พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณอาจารย์ได้เมตตาให้คำอธิบายไว้ว่า กรุณาสมควรแก่เหตุ ก็คือ เราเป็นผู้ปกครอง ก็ต้องมีความเด็ดขาด มีทั้งพระเดช มีทั้งพระคุณ กรุณานั้นจัดว่าเป็นพระคุณ แต่ถ้าหากเราใจอ่อน สงสารผู้กระทำผิดอยู่ร่ำไป ก็ไม่อาจที่จะทำให้ผู้กระทำผิดนั้นได้สำนึก จึงต้องมีการลงโทษกันบ้าง
ดังนั้น...ถ้าหากว่ามีความกรุณา ก็ต้องให้สมควรแก่เหตุ ไม่ใช่กรุณากันเรื่อยไป อย่างเช่นว่า มาถึง "หลวงพ่อโปรดเมตตาด้วย" แล้วเราก็ช่วยเขาไปทุกเรื่อง แม้กระทั่งผู้หญิงยื่นหน้าอกมาให้จับก็จับให้ด้วย..! ถ้าเช่นนี้ก็ไม่สมควร เป็นต้น
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-05-2022 เมื่อ 02:40
|