พระอาจารย์เล่าให้ฟังว่า "พระอนุรุทธ พอขอขนมไม่มี จากพระมารดาแล้ว พระมารดาให้ถาดเปล่าไป เทวดาก็ต้องบันดาลขนมให้ เพราะว่าบุญของท่าน เกิดมาจะต้องมีทุกอย่าง พอบันดาลขนมทิพย์ให้ ท่านบอกว่าพอหยิบใส่ปาก รสชาติก็กำซาบซ่าน ไปตามประสาทรับรสทั้ง ๗,๐๐๐ เส้น แสดงว่าท่านแยกรสได้ละเอียดจริง ๆ เราก็มาสังเกตว่า ทำไมเรากินอะไรก็อร่อยไปทุกอย่างเลย? สงสัยว่าลักษณะนี้เหมือนกัน ว่าประสาทรับรสมันจะดีเกินชาวบ้านเขา
พอมาระยะหลัง ๆ เราสามารถบอกได้ว่ากับข้าวมีอะไรเป็นส่วนผสมบ้าง คิดว่านะ...คิดว่าท่านที่รับอาชีพผสมค็อกเทล หรือไม่ก็ชิมไวน์จะต้องมีประสาทรับรสแบบนี้ ไม่อย่างนั้นจะแยกรสไม่ออก
มีอยู่วันหนึ่งโยมนำข้าวต้มมาถวาย ใส่ปากปุ๊บก็บอกว่า "ตกลงว่าต้มน้ำให้เดือด แล้วเอาข้าวเย็นใส่ลงไปใช่ไหม?" เขาก็บอกว่าใช่ เขาหุงข้าวก่อน แล้วก็ต้มน้ำ ตักข้าวสวยใส่ ลิ้นเรามันแยกได้ขนาดนั้น เพราะรสชาติมันไม่เข้ากันระหว่างน้ำกับเนื้อ อันนี้ไม่ใช่ทิพจักขุญาณแน่นอนขอยืนยัน มันเป็นประสาทลิ้นธรรมดา"
ถาม : แล้วคนมีประสาทรับรสขนาดนี้ ไม่เป็นดาบสองคมหรือครับ?
ตอบ : ถ้าไม่ติดหนักไปเลย ก็อาจจะเบื่อไปเลย
ตอนที่ร้านอาหารญี่ปุ่นเปิดแรก ๆ มันเปิดที่โรงแรมอินทรา เราก็อยากกิน ก็ไปลอง เขาบอกว่าอาหารญี่ปุ่นวิเศษเลิศเลอนักหนา พอสั่งอาหารญี่ปุ่นมา เข็ดไปตลอดชาติเลย.. เราเทโชยุซีอิ๊วญี่ปุ่นลงไปเป็นถ้วย ๆ มันก็ยังแค่หวานปะแล่ม ๆ เท่านั้น จะว่าไปแล้วญี่ปุ่นเขากินอาหารสุขภาพ เพราะว่าเขาทานไม่จัด แต่สำหรับเราแล้ว รสชาติมันจืดชืดไม่เอาอ่าวเลย
อาตมาเป็นคนชอบลอง ลองแล้วรู้ก็เลิก ตอนที่หูฉลามดังนักดังหนา อาตมาก็ไปลองดู สมัยนั้นราคา ๖๐๐ บาทก็มีให้ กินเข้าไปแล้วไม่เห็นปีกมันจะงอกบินได้เลย
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 15-01-2010 เมื่อ 09:14
|