แล้วก็จะไปเป็นปริจเฉทสุดท้ายครับ ปริจเฉทที่ ๒๓ เรียกว่า ปัญญาภาวนานิสังสนิเทส กล่าวถึงอานิสงส์ของปัญญานิเทสทั้งหมด ว่ามีความดีความงามอย่างไรบ้าง ? สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นสารัตถะ คือสิ่งที่ท่านทั้งหลายควรตั้งอกตั้งใจศึกษาจริง ๆ ถ้าจะรู้ขนาดผมนี่ก็ตั้งแต่อายุ ๑๖ ปี จนถึง ๖๔ ปี ครับ ขออภัย ๖๓ ยังไม่ ๖๔ ปีครับ
ตรงจุดนี้แปลว่า ท่านทั้งหลายได้ศึกษาในสิ่งที่เป็นเพชรในพระไตรปิฎก ก็คือวิสุทธิมรรคศึกษา เมื่อท่านศึกษาแล้วอย่าปล่อยทิ้งไว้เฉย ๆ ไม่เช่นนั้นท่านจะเป็นทัพพีที่คาหม้อแกงอยู่ครับ ต่อให้แกงไปกี่ร้อยกี่พันครั้ง ท่านก็ไม่รู้รสแกงนั้นเลย ท่านต้องเริ่มลงมือปฏิบัติด้วยครับ ไม่ได้มากเอาเล็กน้อยก็ยังดี ชำระศีลของเราให้บริสุทธิ์ ทำสมาธิให้ตั้งมั่นบ้างเล็กน้อย
ถ้าเอามากไม่ได้ก็ก่อนออกบิณฑบาตครับ ภาวนาพุทโธ ๆ หรือพองหนอ ยุบหนอ สัมมาอะระหัง หรืออะไรก็ได้สัก ๕ นาที ๑๐ นาทีครับ อย่าไปนึกถึงเรื่อง รัก โลภ โกรธ หลง ให้มาก เป็นการชำระใจของเราให้บริสุทธิ์ จะได้เป็นเนื้อนาบุญให้แก่ญาติโยมได้มากขึ้น แต่ถ้าใครมีวิสัย มีบารมีที่สั่งสมมาตั้งแต่ปางบรรพ์ เป็นปุพเพกตปุญญตา คือผลบุญที่เราทำมาด้วยดีแต่ปางก่อน ท่านทั้งหลายก็สามารถที่จะกอบโกยให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
ส่วนที่ทำง่ายที่สุดก็คืออนุสติทั้ง ๑๐ อย่างครับ ไม่ต้องอะไรมากเลยครับ
นึกถึงพระพุทธเจ้า นึกถึงพระธรรม นึกถึงพระสงฆ์ ได้ไปแล้ว ๓ ข้อครับ
นึกถึงเทวดาว่ามีความดีอย่างไร เราจะปฏิบัติตาม ได้ไปอีกข้อหนึ่ง
นึกถึงศีลว่ามีคุณความดีรักษาไม่ให้เราตกในที่ชั่วอย่างไร ปฏิบัติตามไปได้อีกข้อหนึ่ง
นึกถึงความตาย เพื่อที่จะได้ไม่ประมาทในชีวิต ได้อีกข้อหนึ่ง
นึกถึงความเป็นจริงในร่างกายของเรา ในร่างกายคนอื่น ว่าประกอบไปด้วยเครื่องจักรกลใหญ่น้อยทั้งหลาย ไม่ใช่แท่งทึบ ไม่ใช่สิ่งที่สะอาดตา ได้ไปอีกข้อหนึ่ง
นึกถึงความสงบระงับจากกิเลสทั้งปวง ได้ไปอีกข้อหนึ่ง
ท้ายสุดที่ทิ้งไม่ได้ก็คือลมหายใจเข้าออก ไม่ต้องเอามากครับ กองใดกองหนึ่ง ทำจริง ๆ เข้าถึงมรรคผลได้ทั้งหมด
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-12-2021 เมื่อ 02:37
|