ดูแบบคำตอบเดียว
  #450  
เก่า 11-06-2020, 15:29
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,833 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

ตาย ๙๙ %

ในพรรษานี้ วันหนึ่งมีโยมมาจากในเมืองได้นำยาถ่ายท้องมาถวายให้พระเณรในวัดฉัน จะด้วยเหตุผลใดนั้นท่านลืมเลือนไปเสีย พระเณรองค์อื่น ๆ เมื่อได้ฉันยานี้ แล้วต่างก็ถ่ายท้องกันแบบปกติตามฤทธิ์ยาถ่ายทั่วไปที่เจ้าหน้าที่กำหนดไว้ จึงไม่มีอะไรผิดแปลก

แต่สำหรับท่านเอง หลังจากฉันไปได้ไม่นาน ผลปรากฏว่า ท่านต้องถ่ายท้องอย่างหนักถึง ๒๕ ครั้ง อาเจียน ๒ ครั้ง ความรุนแรงถึงขนาดที่ว่า เศษอาหารนี้พุ่งออกมาติดข้างฝาเลยทีเดียว จนร่างกายอ่อนลง ๆ อย่างรวดเร็ว แม้ว่าท่านจะฉันยาแก้กันแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถแก้ฤทธิ์ยาขนานนี้ได้ ดังนี้
“... มีคนนำยามาขาย ยาขวดแบบนั้น เราก็ไม่เคยเห็นมาก่อน คนขายเขาว่า เขาอยู่กรมการแพทย์ โรงพยาบาลนครพนม บอกจนกระทั่งห้อง ๗ นี่ละ เวลาเป็นเหตุแล้วมันไม่ลืมนะ


วันที่เขามา เราก็ปัดกวาดไปถึงศาลา พอดีเขาก็มาถึงนั้น เราปัดกวาดพอดีเสร็จเรียบร้อย แล้วก็เอาไม้กวาดไปวางไว้แล้ว ก็เลยขึ้นไปศาลา พอขึ้นไปเห็นเขาเปิดหีบออกมา กระเป๋าของเขานั่นละ มียาหลายประเภท แต่ยาขวดนั้นมองไปปั๊บ มันสะเทือนใจทันทีทันใด
‘โอ๊ย ! ยาขวดนี้ฉันไม่ได้นะ ใครฉันตายนะ


เราว่างี้นะ รู้สึกเสียมารยาท เขาหน้าซีดแห้งไปหมดละ ที่เราไปว่าเขาอย่างนั้น จากนั้นแล้วเราค่อยพลิกใหม่
‘ยาขวดนี้ เป็นยาแก้อะไร’ เราถาม


‘ยาถ่าย ไม่เป็นอะไรละครับ พวกผมมียาห้าม’ พวกขายยามันกล่อมคนเก่ง

เราจึงฉัน ก็ฉันธรรมดา พระองค์ละช้อน ๆ ๆ พระท่านถ่ายธรรมดา พอถึงสองทุ่ม เขาเอายาห้ามมาห้าม พระท่านก็หาย ไอ้เราก็ฉันเท่ากันกับเขา เวลายาห้ามมามันไม่ยอมหายซิ ถ่ายเสียจนตั้งแต่นั้นจนกระทั่งถึง ๘ โมงเช้า ...
เรานั่งอยู่เขียงส้วม ถ่ายท้อง ๒๕ หน เกิดอาเจียนอย่างรุนแรง ๒ หน ความแรงของมัน ทำให้เศษอาหารพุ่งจากนี้ไปติดฝาโน่น ร่างกายอ่อนลงทันที มันจะตายอย่างเห็นได้ชัด อ่อนลง ๆ อย่างรวดเร็ว แน่ะ.. มันสนุกพิจารณากันสบายเลย ตอนมันจะไปจริง ๆ แล้วความรับผิดชอบของร่างกายส่วนต่าง ๆ ที่อยู่ในตัวของเรานี้มันหดมาพร้อม ๆ กัน ข้างล่างก็หดขึ้นมาอยู่กลางหัวใจนี่ ข้างบนก็หดลงไป ข้างซ้ายข้างขวาหดเข้ามาพร้อมกันเลย ลงไปตรงกลาง


ความรับผิดชอบของจิตที่ซ่านออกไปตามร่างกายส่วนต่าง ๆ นี้.. หดตัวเข้ามาอย่างรวดเร็วทีเดียว ตายไป ๙๙% เหลือเพียงเปอร์เซ็นต์เดียว แต่มันแปลกอยู่นะที่ไม่ล้ม

จากนั้นมาก็ปล่อยเลย.. หมด ร่างกายก็หมดความหมาย คือร่างกายเป็นเหมือนท่อนไม้ ท่อนฟืนไปแล้ว หูนี้เลยหนวก ไม่ใช่หนวก ไม่ใช่บอดเสียแล้ว เลยนั้นไปแล้ว เป็นท่อนไม้ ท่อนฟืน ... ประสาทส่วนต่าง ๆ ดับหมด เป็นเหมือนท่อนไม้ไปหมด เวทนาของกายที่มันเป็นอย่างสาหัสนั้น ก็พลันดับวูบ ไม่มีอะไรเหลือ

พอกายหมดความหมาย ทุกขเวทนาก็หมดความหมาย ทุกขเวทนาก็ดับหมด นี่จึงได้เชื่ออย่างแน่ใจว่า คนเราเวลาจะตาย ถ้ามีสติทราบเรื่องของตัวเองอยู่อย่างชัดเจนแล้ว ขณะจะตายนั้นเวทนาต้องดับหมด อันนี้มันดับ ขณะที่เวทนาดับหมด... ยังเหลือแต่ความรู้อันเดียวเท่านั้น ความรู้นั้น.. เราก็พูดไม่ถูกนะ คือตอนที่มันผ่องใส เราก็รู้ว่ามันผ่องใส แต่ก่อนรู้กันทุกระยะ ๆ แต่ตอนนั้นคำว่า “ผ่องใส” หรือ “เศร้าหมอง” มันไม่มี ...

ทั้ง ๆ ที่ทุกขเวทนาอย่างสาหัส พอถึงขั้นจะไปจริง ๆ แล้ว ความรับผิดชอบในความรู้สึกนี้มันหดตัวเข้ามา วูบเดียวเท่านั้นพร้อมกันหมดเลย เข้าไปอยู่ตรงกลางนี้ ตรงกลางนี้ก็สักแต่ว่ารู้นะ จะว่าเป็นจุดเป็นต่อมแห่งผู้รู้อย่างนั้นอย่างนี้ไม่มี พูดได้แต่ว่า “สักแต่ว่ารู้” เท่านั้น แล้วทุกขเวทนาดับ อะไรดับ ร่างกายดับหมดจากความรู้สึกของกายเอง และความรู้สึกของทางประสาท จิตก็เป็นจิต ทุกขเวทนาก็ดับพร้อมกันเลย ...

พอมันมี “สักแต่ว่ารู้” เท่านั้น สังขารมันยังใช้ได้อยู่นะ ความปรุงของจิตยังใช้ได้อยู่ทั้ง ๆ ที่ตา หู จมูก ลิ้น กายทุกส่วน.. มันหมดความหมายกลายเป็นท่อนไม้ท่อนฟืนไปหมด แต่ทำไมสังขารนี้อยู่ในวงขันธ์มันปรุงได้ เห็นได้อย่างชัดเจนว่ามันปรุงได้ แต่ความปรุงอันนี้หรือมันเกี่ยวกับจิต เพราะปรุงออกมามันก็ออกมาจากจิต สัญญาก็ออกมาจากจิต

ตอนมันหดเข้ามาแล้ว เรียบร้อยหมดทุกสิ่งทุกอย่าง เหมือนยังเหลือเปอร์เซ็นต์เดียว เรียกว่า ๙๙% ก้าวเข้ามาถึง ๙๙% พอ ๑๐๐% ก็ดีดพั้บออกเลย ประโยคหลังประโยคสุดท้ายก็จิตเคลื่อนออก แต่นี้ยังไม่เคลื่อน แต่มันปรุงได้ทั้ง ๆ ที่มีแต่ความรู้ที่สักแต่ว่ารู้

แล้วมีอันหนึ่งปรุงถามขึ้นมาว่า ‘หือ ! จะไปเดี๋ยวนี้เชียวหรือ ?’ มันปรุงตอบว่า ‘เอ้า ! ไปก็ไป’

พอกำหนดจิตลงเหมือนกับว่าจะเสริมให้มันไป จะช่วยให้มันไปเลย ‘เอ้า ! จะไปก็ไป’ มันก็ตั้งท่าไป ตั้งหน้าไป แต่แล้วมันกลับไปสนับสนุนกัน มันก็เลยเป็นพลังอันหนึ่ง พอจ่อจิตเข้าไปตั้งท่าจะไป จ่ออยู่กับผู้รู้เท่านั้น ความรับผิดชอบของจิตนี้ซ่านออกไปอีก แทนที่มันจะไปกลับไม่ไป .. ด้วยอำนาจพลังของจิตที่กำหนดจะไปนี้ เลยเป็นพลังทำให้จิตมันซ่านออกไปอีก ให้รับรู้ในสิ่งต่าง ๆ ในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ... ทางนี้ก็ขึ้นมา ทางนั้นก็ลงไปข้างล่าง ลงไปทั่วสรรพางค์ ออกทั่วสรรพางค์ร่างกายอย่างรวดเร็วเลย
‘หือ ? ไม่ไปหรือ ? ไม่ไปก็อยู่ซิ’ ว่างั้น


มันไม่เห็นเสียดายหึงหวงอะไรเลย เอ ! มันก็คิดได้นี่นะ มันแปลกอยู่นะ สังขารนี้มันปรุงได้

แน่ะ เป็นอย่างนั้นไม่ลืมนะ ความรู้สึกของเจ้าของเป็นอย่างนั้นจริง ๆ คิดอย่างนั้นด้วยเวลาจะไป ‘จะไปจริง ๆ เหรอ เอ้า ไปก็ไปซิ’ กำหนดปั๊บเพื่อจะช่วยให้มันไปเสีย คือไปอย่างหายห่วงพูดง่าย ๆ ไม่ได้สงสัยอะไรนี่ ระยะนั้นเราก็ไม่ได้สงสัยอะไรแล้ว ..

หายสงสัยทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว พูดตามความจริง เวลานั้นมันจะมาประกาศความจริงให้เราเห็นอยู่ซิ ตอนจะตายนี่ ก็ไม่เห็นมันจะกลัวอะไร มันตามรู้กันทุกระยะ ๆ จนกระทั่งถึงว่า หมดทุกขเวทนาที่เป็นอย่างสาหัสขนาดถึงขั้นจะตาย มันก็รู้ของมันอยู่ตลอดเวลา ไม่พลั้งไม่เผลอ จนทุกขเวทนาในร่างกายนี้ที่เป็นสาหัส.. ดับจนหมด เพราะความรับผิดชอบของจิตมันหดตัวเข้ามา วูบเดียวเท่านั้น ทุกขเวทนาก็เป็นอันว่าดับไปพร้อมกันกับความรับผิดชอบทางด้านร่างกาย
‘เอ้า จะไปเดี๋ยวนี้เชียวเหรอ ? เอ้า ไปก็ไป’


ยังเหลือแต่ความรู้เท่านั้น กำหนดปั๊บเข้าจุดความรู้นั้น ไม่ถึงนาทีนะ.. มันซ่านออกไปอีก พอความรู้นี่มันซ่านออกไปทั่วสรรพางค์ร่างกายแล้ว หูก็เริ่มรู้เริ่มได้ยินเสียง ตาฝ้าฟางก็เหมือนกับมองเห็น ความรู้สึกทางส่วนร่างกายก็รู้ พอความรับผิดชอบมันออกไปสู่อวัยวะส่วนต่าง ๆ ประสาทส่วนต่าง ๆ มันก็รับทราบของมัน ... ทีนี้ทุกขเวทนาก็เริ่มขึ้น ก็สาหัสเหมือนอย่างที่เคยเป็น สาหัสมันก็สาหัสในส่วนร่างกายต่างหาก ไม่ได้สาหัสในจิต ไม่ได้เข้าถึงจิต จิตเป็นปกติอยู่อย่างนั้นธรรมดา ๆ ...

นี่ก็ทำให้คิดเหมือนกันว่า คนเราถ้ามีสติดี ๆ จะทราบเวลาตาย คนเวลาจะตายจริง ๆ เวทนาจะดับหมด เวทนาไม่มีเหลือ จิตถึงจะเคลื่อนตัวออก...”

จากนั้นอาการป่วยของท่านก็ค่อยทุเลาลง ๆ กำลังวังชาก็เริ่มฟื้นตัวขึ้นเป็นลำดับ และกลับคืนจนเป็นปกติในที่สุด

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-06-2020 เมื่อ 17:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 17 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา