"สมัยก่อน วันอาทิตย์ช่วงเช้าอาตมาจะไปดูแลหลวงปู่มหาอำพัน ช่วงบ่ายไปดูแลแม่ พอถึงวันอาทิตย์หลวงปู่ท่านก็ไล่ให้ไปฟังเจ้าคุณสาเทศน์ "อย่างนี้เลย" ยกหัวแม่มือให้ ๒ ข้าง ท่านคือตำแหน่งพระสาสนโศภณ เรียกสั้น ๆ ว่า เจ้าคุณสาสน์ อาตมาก็ไปแบบเสียไม่ได้ คือถ้าใครเคยฟังหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงเทศน์มา จะรู้สึกว่าองค์อื่นท่านเทศน์แล้วจืดหมด
ปรากฏว่าไปนั่งฟังเทศน์ ท่านก็ว่ายาวไปครึ่งค่อนชั่วโมง เรื่องประตูแห่งความเจริญ ๖ ประการ อาตมาฟังนาน ๆ เบื่อ นึกในใจว่าเทศน์ไม่ถึงพระนิพพานสักที จะฟังให้เสียเวลาทำไมวะ ? ท่านหันขวับมาชี้หน้าอาตมาคนเดียวกลางโบสถ์เลย "ถ้าฟังแล้วคิดเป็น ทุกอย่างรู้จักใช้ปัญญา ก็ไปถึงพระนิพพานทั้งหมดแหละ" แล้วท่านก็พูดให้รู้ว่าตาเป็นอย่างไร หูเป็นอย่างไร จมูกเป็นอย่างไร ลิ้นเป็นอย่างไร กายเป็นอย่างไร ใจเป็นอย่างไร ถ้าสามารถดับรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ธรรมารมณ์ ลงได้ ก็อยู่สุขอยู่เย็น เขาเรียกว่าพระนิพพาน แล้วท่านก็ว่าเป็นกลอน
สิ่งทุกสิ่งเที่ยงแท้แน่ในโลก............แต่เป็นโอฆขังรักกักสังขาร
ใครไม่หลงปลงเห็นเป็นสำคัญ.........เปรียบยวดยานนาวาพาหนะ
มีพาหนะแล้วจะไปพระนิพพานก็ไปของคุณสิ เอวัง...ก็มีด้วยประการละฉะนี้
อาตมากราบได้ก็เผ่นแน่บ คิดในใจ "โดนจั่วกลางโบสถ์ซะเต็ม ๆ เลย" ถึงได้ยอมรับว่าทำไมหลวงปู่มหาอำพันท่านยกให้ ๒ นิ้วเลย พอมาครั้งหลัง ๆ ไป ก็คลานเข้าไปกราบบนตัก ท่านบอกว่า "เบา ๆ เดี๋ยวคนอื่นรู้หมด" เป็นพระนักปฏิบัติที่เก็บเนื้อเก็บตัวดีมาก"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-03-2021 เมื่อ 11:01
|