ดูแบบคำตอบเดียว
  #181  
เก่า 26-06-2019, 19:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,107
ได้รับอนุโมทนา 4,404,000 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"สิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านสอนก็คือ การใช้สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ในการ ระงับ ตัด ละ กิเลสต่าง ๆ ออกจากใจของเรา บรรดาศาสดารุ่นเก่า ๆ เขาไม่มีตรงนี้ เขาคิดอยู่อย่างเดียวว่าต้องฝึกฝนไปถึงระดับหนึ่ง แล้วจะสามารถหลุดพ้นไปอยู่กับปรมาตมันได้ โดยที่ไม่รู้ว่าวิธีการหลุดพ้นที่แท้จริงคืออะไร

พระพุทธเจ้าท่านมาเอาของที่มีอยู่มาศึกษา แล้วก็ค้นพบว่า สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นเครื่องช่วยให้หลุดพ้นได้ แต่รายอื่น ๆ ท่านทำไม่ถึง พอทำไม่ถึงก็มีสภาวะการหลุดพ้นปลอม ๆ ก็คือสภาวะที่จิตสงบระงับด้วยอำนาจของสมาธิในระดับรูปฌานบ้าง อรูปฌานบ้าง

ถ้ายิ่งไปถึงตอนท้าย ๆ ของอรูปฌาน อย่างเช่นว่า อากิญจัญญายตนะ ความรู้สึกสัมผัสแม้แต่น้อยหนึ่งก็ไม่มี เหลือแต่จิตแท้ ๆ อย่างเดียว บรรดาโยคีบุคคลสมัยก่อนก็คิดว่า นี่คือที่สุดแล้ว แต่ก็ยังมีอัจฉริยะที่มากกว่านั้น ก็คือนำเอาความไม่มีอะไรเหลือแม้แต่น้อยนั้น มาปรับสภาพของร่างกาย ก็คือรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ที่รวมเป็นขันธ์ ๕ ปรับจนทำเป็นเหมือนอย่างกับไม่มี นี่ก็ยิ่งเป็นสภาวะหลุดพ้นจอมปลอมที่สูงขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง

อาตมาถึงได้กล่าวว่า จริง ๆ แล้วศาสนาพุทธของเรามาทีหลัง ศาสนาอื่น ๆ เขาค้นพบแล้วก็ก่อร่างสร้างตัวจนเป็นมหามงกุฎแทบจะสมบูรณ์แบบแล้ว ศาสนาพุทธของเรามาค้นพบเพชรยอดมงกุฎ ประดับลงไปจึงสมบูรณ์บริบูรณ์ ศาสนาอื่นไม่มีตรงนี้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-06-2019 เมื่อ 21:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 146 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา