ดูแบบคำตอบเดียว
  #5  
เก่า 02-10-2021, 22:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,899 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ฉะนั้น..ถ้าหากว่าหลายท่านคิดที่จะทำอย่างที่กระผม/อาตมภาพทำ ก็คือการที่แยกจิตแยกกายทำงานหลาย ๆ อย่างพร้อมกัน ก็ให้เข้าใจว่ามีจุดบอด ก็คือต่อไปท่านทั้งหลายภาวนาอยู่ก็จะฟุ้งซ่านได้ ส่วนวิธีแก้ก็ง่ายมาก แค่กลับมาอยู่กับลมหายใจเข้าออกตรงหน้าเท่านั้นเอง

ส่วนท่านที่ไม่ต้องการจะเสียเวลากับเรื่องพวกนี้ เราก็มุ่งตรง ก็คือภาวนาจนกระทั่งอารมณ์ใจทรงตัว มั่นคง แล้วก็ลองตั้งเวลาดู ว่าเราจะรักษาอารมณ์ใจไว้เท่านั้นนาที เท่านี้ชั่วโมง หลังจากนั้นก็สลับอารมณ์ขึ้นลง ให้กำลังใจของเราสูงสุด ต่ำสุด หรือว่าปานกลาง หมุนเวียนกันไป เข้าสมาธิให้ได้ทุกเวลาที่เราต้องการ และออกให้ได้ทุกเวลาที่เราต้องการ

ถ้าหากว่าทำได้แค่นี้ เมื่อถึงเวลา รัก โลภ โกรธ หลง จะกินใจของเรา เราก็เข้าสมาธิเสีย พริบตาเดียวก่อนที่ รัก โลภ โกรธ หลง จะกำเริบมากจนเป็นโทษแก่เรา ทันทีที่รู้ตัว เรามุ่งเข้าไปหาสมาธิ สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ก็ทำอะไรเราไม่ได้

เมื่อรักษาตัวด้วยสมาธิได้แล้ว ก็พยายามใช้ปัญญาในการพิจารณาให้เห็นว่า รัก โลภ โกรธ หลง นั้น จริง ๆ แล้วก็ไม่เที่ยง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปเป็นปกติ ถ้าเราไปส่งส่ายวุ่นวาย ไปตามสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น เราก็เป็นทุกข์ แล้วท้ายที่สุด รัก โลภ โกรธ หลง ก็เป็นแค่สมบัติของร่างกาย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-10-2021 เมื่อ 02:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา