ดูแบบคำตอบเดียว
  #6  
เก่า 06-02-2012, 09:12
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,554 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

มีอยู่วันหนึ่งท่านสั่งว่า "มหา..วันนี้ให้ไปปูเสื่อ จัดอาสนะ ดูความสะอาดเรียบร้อยศาลา จะมีคนมา" แต่ท่านก็ไม่ได้บอกว่าใคร เราก็ไปจัดการ พอสาย ๆ พ.ต.อ.ขุนศุภกิจวิเลขการ ข้าหลวงประจำจังหวัดสกลนคร มาหาหลวงปู่มั่น พอไปถึง ท่านทักขึ้นทีแรกเลยว่า “เมาหรือเปล่า ?” พ.ต.อ.ขุนศุภกิจฯ ตอบว่า “นิดหน่อยครับ” แล้วก็ไปกราบหลวงปู่มั่น ท่านก็ถามว่า “อยากอยู่นาน หรืออยากตายเร็ว ?” ” พ.ต.อ.ขุนศุภกิจฯ ตอบว่า “อยากอยู่ครับ” “ถ้าอย่างนั้น ให้เลิกกินเหล้า เลิกสูบบุหรี่ ไม่อย่างนั้น อายุ ๕๐ ปีก็ตาย” ” พ.ต.อ.ขุนศุภกิจฯ ก็เลยเลิกหมด อยู่มาได้จนอายุ ๙๐ กว่าปี มาตอนหลัง ย้ายมาเป็นข้าหลวงประจำจังหวัดอุดรธานี

ในปีนี้ (พ.ศ. ๒๔๘๔) หลวงปู่สอบได้ ป.ธ. ๔ ซึ่งท่านเล่าถึงเรื่องดังกล่าวว่า อยากสอบได้ก็ไปเรียนถามหลวงปู่มั่น

“หลวงปู่ ๆ ผมสอบประโยค ๔ ตกมาตั้ง ๓ ปีแล้ว เขาจะออกอะไร ?”

ท่านหัวเราะ ท่านบอกว่า “เขาด่าโกรธไหม ? เขายกย่องดีใจไหม ?”

เรียนท่านว่า “เขาด่าก็โกรธ ถ้าเขาสรรเสริญก็ยินดี”

ท่านกล่าวว่า “มันมีไหมล่ะ ในหลักสูตร ?”

เรียนท่านว่า “มีกระผม”

ท่านกล่าวว่า “อะไรล่ะ ?”

เรียนท่านว่า “โลกธรรม ๘ มันอยู่ในมงคลภาค ๒ กระผม”

อีกสามวันที่ไปนวดให้ท่านทุกวัน ๆ วันที่สามท่านก็เลยถามว่า “มหา ๆ ตัดจีวรเป็นไหม ?”

เรียนท่านว่า “ที่หลวงปู่อธิษฐานเป็นผ้าครองนั้น กระผมก็ดีใจมาก”

ที่นี้เวลามาสอบครั้งแรก แม่กองธรรมสมัยนั้นคือ สมเด็จพระวันรัต (ปลด กิตติโสภโณ) วัดเบญจมบพิตร เป็นแม่กองฯ พอสอบแล้วบอกว่าประโยค ๓ ประโยค ๔ ปัญหารั่ว ยกเลิกไม่ตรวจ เสียใจมากตอนนั้น ที่นี้พอประกาศยกเลิกไม่ตรวจแล้ว ก็ขึ้นไปเที่ยวขอนแก่น

เที่ยวขอนแก่นอยู่ประมาณ ๗ เดือน และก็สั่งเพื่อนไว้ว่า ถ้าแม่กองฯ ประกาศสอบใหม่ให้โทรเลขไปที่วัดศรีจันทร์ ตอนหลวงปู่ออกไปบ้านนอกโทรเลขไปว่า ให้ประโยค ๓ ประโยค ๔ สอบใหม่ ขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๗ ก็เตรียมตัวลงกรุงเทพฯ มาวันหนึ่งก็เอาหนังสือมาดู ดูไปดูมา จิตมันไม่จำ ก็เลยเอาหนังสือมากองรวมไว้บนโต๊ะ แล้วก็กราบ แล้วนั่งสมาธิ พอจิตมันรวมแล้ว ปรากฏหลวงปู่มั่นถามว่า “มหา ๆ ตัดจีวรเป็นไหม ?” ดังขึ้นที่หู ๓ ครั้ง ก็เลยมากราบหนังสือ แล้วก็เปิดหาประโยคตัดจีวร เป็นภาค ๑ ของมงคลทีปนี ก็ดูอยู่ประมาณ ๔-๕ วัน ดูแต่อันเดียวนั่นแหละ ได้แปลตามเผด็จสำนวนแปลของสมเด็จพระสังฆราชองค์ปัจจุบันนี้บ้าง ของท่านเจ้าคุณพระอริยเวที (เขียน) บ้าง ท่านกำลังสอบประโยค ๙ อยู่ แปลให้คล่องเลย เวลาออกมาตรงเป๊ะ จึงสอบได้ประโยค ๔ ปีนั้น ท่านพูดอีกคำหนึ่งว่า เอาประโยค ๔ พอ ถ้ามากประโยคกิเลสมันมาก ว่าอย่างนั้น พยายามสอบประโยค ๕ อยู่เจ็ดปีก็ไม่ได้

“ในวันหนึ่ง พอกลางคืนหลวงปู่ก็ไปนวดให้ท่าน นวดไป ๆ ก็เรียนถามท่านว่า “หลวงปู่ ๆ จิตเป็นโสดา สกิทาคา อนาคา มันเป็นอย่างไร ?” ท่านไล่ลงไปเดินจงกรม ไปเดินจงกรมได้ ๒ ชั่วโมง จิตมันไม่รวม จึงขึ้นมาบนกุฏิ กราบเรียนท่านว่า จิตมันฟุ้งซ่าน มองเห็นแต่หน้าสตรี ท่านก็ไล่ลง ให้ไปเดินอยู่อย่างนั้นแหละ พอเดินไปเดินมาขึ้นมาอีก

พอวันที่ ๗ ท่านทรมาน ประมาณตั้งแต่ ๔ ทุ่ม ให้หลวงปู่นั่งสมาธิ ท่านก็นอนอยู่บนเตียงนี่แหละ ทีนี้ท่านคุมจิตเรา เวลาท่านคุมจิต จิตเรามันคิดไปไหน ๆ ท่านก็ทักเรื่อย ๆ จนกระทั่งเราเกิดความรู้สึกกลัวท่าน ท่านรู้จักวาระจิตเราจริง ๆ ไม่กล้าคิดไปไหน ท่านบอกว่า ให้เอาสติควบคุมจิต ดึงเข้ามาอยู่ที่หัวใจ ให้ว่า พุทโธ ๆ จนจิตสงบ แล้วใช้ปัญญาพิจารณากายของตนเอง ตั้งแต่หนังที่หุ้มห่อร่างกายอยู่นี้ ให้จิตเห็นเป็นอสุภกรรมฐาน เป็นของสกปรกน่าเกลียด เมื่อตายแล้วไม่มีใครต้องการ สังขารทั้งปวงตกอยู่ในไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ด้วยกันทั้งนั้น เวลา ๐๒.๐๐ น. จิตของหลวงปู่สงบจากอารมณ์ภายนอกที่จะมาสัมผัส เกิดความสว่างขึ้นกับจิต พอจิตรวมได้ รู้สึกว่ากายมันเบา นั่งอยู่ตลอดจนกระทั่งถึงตี ๕

ท่านก็บอกว่า “เอ้า มหา ก่อนที่จะถอนจิตนั้น ให้ตั้งสติสัมปชัญญะ ทวนกระแสจิตดูซิว่า ก่อนจิตจะสงบได้นั้นมันยึดอารมณ์อะไร ?” หลวงปู่ ก็ทวนกระแสจิต ๑๐ ครั้ง ว่าเราทำอย่างไร จิตถึงได้รับผลอย่างนี้ ท่านบอกให้กราบ ๓ ครั้ง แล้วท่านพูดว่า “วันนี้มหาภาวนาได้ดีพอสมควร จำวิธีพิจารณาจิตไว้นะ อย่าปล่อย ให้ทำภาวนาอย่างนี้ทุกวัน” แล้วก็กราบพระ เตรียมไปบิณฑบาต หลวงปู่ก็ได้หลักใจจากหลวงปู่มั่น ตั้งแต่บัดนั้นมา

กระทั่งว่าอยู่มาจนกระทั่งบัดนี้ เรียกว่าเป็นโชคดี ตอนนั้นอายุ ๒๙ ปีเตรียมจะลาสิกขาอยู่แล้ว ในตอนนั้นก็มีลูกสาวทนาย มาใส่บาตรอยู่เรื่อย..สวย..บางทีก็มาขอสบงจีวรของหลวงปู่ไปซัก หลวงปู่ก็ไม่ให้

หลวงปู่ได้หลักฐานการปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐานจากหลวงปู่มั่น ภูริทตฺตมหาเถระ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิปัสสนาธุระ เป็นพระบูรพาจารย์ของพระธุดงค์กัมมัฏฐานเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในภาคอีสาน การที่ได้รับการศึกษาอบรมจิตภาวนากับท่าน ๑๕ วัน สามารถทำจิตของตนให้มั่นคงในการดำรงเพศสมณะ ตั้งแต่นั้นมาพยายามภาวนาตามแบบที่ท่านสอน คือ เอาพุทโธคำเดียวนั่นล่ะ และก็พิจารณาอสุภกรรมฐานไปด้วย ผลที่รับคือจิตสงบเยือกเย็นจากสิ่งแวดล้อมภายนอก ที่จะมากระทบทางตา หู จมูก ลิ้น กายและใจ ได้รับแสงสว่างอันเกิดจากภาวนาตามสมควรแก่ฐานะ นับว่าเป็นลาภอันประเสริฐ ซึ่งเกิดจากดวงจิตของหลวงปู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ถึงกับท่านพูดกับหลวงปู่ว่า มหา..ภาวนาเป็น ควรเลิกเรียนปริยัติ ออกปฏิบัติกัมมัฏฐานอีกจะได้พ้นทุกข์ ประสบแต่ความสุขกาย สุขใจ ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารอีก ดังนี้เป็นต้น เป็นอันว่า ได้อุปัฏฐากใกล้ชิดกับหลวงปู่มั่น ภูริทตฺตมหาเถระ ชั่วระยะหนึ่งเป็นเวลา ๑๕ วัน ท่านจึงจากไป ในปีนั้นหลวงปู่ได้กำไรแห่งชีวิต ทำศาสนกิจอยู่ในเพศพรหมจรรย์จนถึงปัจจุบัน

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-02-2012 เมื่อ 13:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา