ดูแบบคำตอบเดียว
  #27  
เก่า 09-08-2021, 18:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,915 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เพราะฉะนั้น..พุทธบริษัท ๔ ของเรา ในส่วนของอุบาสก อุบาสิกา ให้การสนับสนุนวัดไม่เหมือนก่อน เพราะว่าสภาพสังคมเปลี่ยนไปครับ สมัยกระผม/อาตมภาพเด็ก ๆ ท่องอยู่ครับ สินค้าออกของไทยเราประกอบไปด้วย ข้าว ข้าวโพด ยางพารา ไม้สัก ดีบุก นั่นเริ่มเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรมครับ

สมัยก่อนญาติโยมสร้างวัดถวายพระนะครับ ต้องการกุฏิ ต้องการศาลา ต้องการโบสถ์ มีเจ้าภาพ แล้วเขามาทำกันเองครับ พระมีหน้าที่แค่ไปยืนดูว่าถูกใจหรือไม่ถูกใจเท่านั้น แต่พอมาเริ่มปฏิวัติอุตสาหกรรม สินค้าส่งออก ในเมื่อส่งออกต้องมีมากถึงจะพอส่ง ก็มีแต่ไม้สักอย่างเดียวครับที่ไม่สามารถจะทำอะไรได้ เพราะว่าสมัยนั้นยังไม่นิยมปลูก ก็ปลูกข้าวโพด ปลูกอ้อย ปลูกข้าว ขุดดีบุก ปลูกยางพารา สมัยนี้ปลูกยางพารากันทั่วประเทศ

ญาติโยมมัวแต่ทำงานอยู่ครับ ถึงเวลาอยากจะทำบุญ อยากจะสร้างศาลา อยากจะสร้างเมรุ อยากจะสร้างห้องน้ำ ก็เอาปัจจัยไปถวายหลวงพ่อครับ ช่วยรับแล้วก็ไปดำเนินการให้กระผมด้วย ให้ดิฉันด้วย ไป ๆ มา ๆ สภาพก็เลยเป็นอย่างในปัจจุบันนี้ครับ ก็คือกลายเป็นพระต้องสร้างเอง โดยมีโยมเป็นเจ้าภาพ

แล้วหลายคนก็บอกว่าไม่ใช่กิจของสงฆ์ พระเราต้อง ปันตัญจะ สะยะนาสะนัง นอนนั่งในที่อันสงัด อะธิจิตเต จะ อาโยโค หมั่นประกอบกำลังใจของเราให้นิ่ง ให้สงบ ปราศจากกิเลส ลองไม่สร้างดูสิครับ..ว่าจะอยู่ได้ไหม ? ญาติโยมเขาอุตส่าห์มีศรัทธานะครับ เอาเงินมาถวายถึงที่ ก็ต้องกัดฟันทำไปแหละครับท่านทั้งหลาย

คราวนี้ในเมื่อญาติโยมเขาสนับสนุนเรา ส่วนของอนาคาริกะคือผู้ไม่ครองเรือน เราทำอะไรบ้างครับ ? ฉันเช้าแล้วเอน ฉันเพลแล้วนอน ตอนบ่ายพักผ่อน ตอนค่ำจำวัด ไม่ใช่แล้วนะครับ เราต้องศึกษาและปฏิบัติธรรมครับ ก็คือถ้าทำไม่ได้ก็ต้องเรียนให้รู้ ถึงเวลาญาติโยมขัดข้อง ต้องเอาหลักธรรมของพระพุทธเจ้าเข้าไปเสริมให้เขาได้ แล้วถ้าญาติโยมปฏิบัติธรรมติดขัดตรงไหน เราเคยปฏิบัติมา ต้องชี้แนะแก้ไขให้เขาได้ คนที่เคยทำมา พูดอะไรจะง่ายครับ แต่ถ้าไม่เคยทำมา พูดอะไรก็ยากไปหมด

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็เลยกลายเป็นว่าอนาคาริกะคือผู้ไม่ครองเรือน ได้แก่ ภิกษุ สามเณร แม่ชี มีเวลามากกว่า ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติได้แล้ว ก็นำไปสั่งสอนบอกกล่าวแก่ญาติโยม ญาติโยมตั้งใจทำมาหากิน มีส่วนเหลือก็สละเข้ามาช่วยเหลือพระพุทธศาสนา ช่วยค้ำจุน
ให้พระพุทธศาสนาของเราไปต่อได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-08-2021 เมื่อ 19:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 16 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา