ชื่อกระทู้: พระปัจเจกพุทธเจ้า
ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 19-07-2012, 13:11
คิมหันต์ คิมหันต์ is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 663
ได้ให้อนุโมทนา: 26,519
ได้รับอนุโมทนา 88,345 ครั้ง ใน 1,256 โพสต์
คิมหันต์ is on a distinguished road
Default

พระปัจเจกพุทธเจ้า

“พุทธะ” อันหมายถึง “ผู้รู้” นั้นมีอยู่ ๔ แบบด้วยกัน คือ
๑. สุตตพุทธะ คือ พระผู้เป็นพหูสูตร
๒. จตุสัจจพุทธะ คือ พระอรหันตขีณาสพ บางทีก็เรียกว่า อนุพุทธะ
๓. ปัจเจกพุทธะ คือ พระผู้สร้างบารมีมาอย่างน้อย ๒ อสงไขยกำไรแสนกัปจนบรรลุพระปัจเจกพุทธภูมิ
๔. สัมมาสัมพุทธะ คือ พระผู้สร้างบารมีมาอย่างน้อย ๔ อสงไขยกำไรแสนกัปจนบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ ตรัสรู้เองโดยชอบ

ในที่นี้จะกล่าวถึงแต่เฉพาะ ”พุทธ” แบบที่สาม คือ พระปัจเจกพุทธเจ้าเท่านั้น

พระปัจเจกพุทธเจ้าจะปรากฏในช่วงที่โลกว่างจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้ว่าจะตรัสรู้คราวละเป็นพันเป็นหมื่นองค์ แต่พระองค์ก็ตรัสรู้เป็นการเฉพาะของตนเท่านั้น ไม่ได้สั่งสอนบุคคลทั่วไปให้บรรลุตาม

นอกจากบุคคลที่เคยตั้งความปรารถนาในพระปัจเจกโพธิญาณมา เมื่อเข้าไปหาพระองค์ท่าน จึงจะได้รับการสั่งสอนให้บรรลุตามความปรารถนาของตน ที่เรียกพระองค์ว่า “ปัจเจกพุทธะ” แปลว่า “ผู้รู้เฉพาะตน” ก็ด้วยเหตุนี้เอง

พระปัจเจกพุทธเจ้า ก็ทรงพระคุณอันยิ่งใหญ่เช่นเดียวกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพียงแต่ขาดพระสัพพัญญุตญาณ (พระญาณอันรู้รอบในทุกสรรพสิ่ง) เท่านั้น เมื่อบรรลุพระปัจเจกโพธิญาณแล้ว มักจะพำนักอยู่ ณ เงื้อมผานันทมูลกะแห่งยอดเขาคันธมาทน์

เนื่องจากพระองค์ท่านปรารถนาการรู้เฉพาะตน คือต้องการตรัสรู้เช่นเดียวกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ไม่ได้ปรารถนาจะสั่งสอนผู้ใด พระองค์จึงมักจะเข้านิโรธสมาบัติ แล้วเสด็จไปโปรดผู้ที่วาระของบุญจะส่งผลในช่วงนั้น

ครุกรรม (กรรมอันหนักยิ่ง) ในฝ่ายกุศลอย่างหนึ่ง ที่ทำแล้วปรากฏผลอย่างทันใจนั้น คือการได้ทำบุญกับพระผู้ออกจากนิโรธสมาบัติ ผลบุญนั้นจะส่งให้ร่ำรวยภายในวันนั้นเลย ดังนั้น พระปัจเจกพุทธเจ้าจึงกลายเป็นผู้บันดาลความร่ำรวยในสายตาของบุคคลทั่วไป

หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ธุดงค์ลงไปทางปักษ์ใต้ เมื่อถึงนครศรีธรรมราช ไปได้คาถาพระปัจเจกโพธิโปรดสัตว์มาจากครูผึ้ง นำมาสงเคราะห์ลูกศิษย์จนได้ผลเป็นที่เลื่องลือ ผู้ที่ทำพระคาถานี้ได้ผลชัดเจนที่สุด คือ นายประยงค์ ตั้งตรงจิตร เจ้าของห้างขายยาตราใบโพธิ์ ตำบลท่าเตียน จังหวัดพระนคร

หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง ได้นำพระคาถานี้มาถ่ายทอดแก่บรรดาลูกศิษย์ ต่อมาพระพุทธเจ้าทรงประทานพระคาถาเพิ่มขึ้นอีกหลายบท จนพัฒนามาเป็นพระคาถาเงินล้าน ให้หลวงพ่อได้ใช้สร้างวัดท่าซุง จนใหญ่โตสวยงามอย่างที่เห็นในทุกวันนี้

คณะศิษยานุศิษย์ของหลวงพ่อวัดท่าซุง จึงได้พึ่งพระพุทธบารมีมาโดยตลอด แต่ก็หาได้มีผู้หนึ่งผู้ใด คิดทำการตอบแทนอย่างเป็นรูปธรรมไม่ จนกระทั่งวันหนึ่ง คุณแม่อ๋อย (คุณเฉิดศรี ศุขสวัสดิ์ ณ อยุธยา) ได้ปรารภกับหลวงตาวัชรชัยสมัยยังไม่ได้บวชว่า

“พวกเราลูกศิษย์สายหลวงพ่อ ตกเป็นหนี้พระคุณของพระปัจเจกพุทธเจ้า เจ้าของพระคาถาเงินล้าน อย่างชนิดไม่มีอะไรจะทดแทนได้ ถ้าเธอยังไม่ตาย ขอให้ได้สร้างรูปของพระองค์ท่าน ให้ปรากฏแก่ชาวโลกเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาให้ได้

หลวงตาวัชรชัยเก็บเอาคำปรารภของคุณแม่อ๋อยไว้นานหลายปี จนกระทั่งวันเข้าพรรษา ปี ๒๕๓๑ ท่านจึงได้เอ่ยเรื่องนี้กับพระพี่พระน้องในวัดท่าซุงหลายรูป ซึ่งทุกรูปก็มีความเห็นร่วมกันว่า ต้องสร้างรูปพระปัจเจกพุทธเจ้าเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาให้ได้

ประกอบกับการเห็นพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ได้เหนื่อยยากตรากตรำในภาระ หน้าที่ต่าง ๆ ที่กระทำเพื่อพระพุทธศาสนา อยากจะช่วยแบ่งเบาภาระของท่าน จึงได้วางแผนงานกันใหญ่โต หากสำเร็จจะมีเงินถวายเป็นกองทุนภัตตาหารพระ ๒๔ ล้านบาท
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย คิมหันต์ : 20-07-2012 เมื่อ 14:11
สมาชิก 169 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา