เมื่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านเห็นวิธียากขนาดนั้น จึงกราบขออนุญาตองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วนำมาเอาพระคาถาสัมปะจิตฉามิมาให้พวกเราได้ภาวนากัน โดยที่ท่านกำหนดว่า
อันดับแรกเลย ให้ขึ้นนะโมฯ ๓ จบ เป็นการบูชาพระรัตนตรัย แล้วสวด อิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ อย่างน้อย ๑ จบ จากนั้นถึงได้เริ่มกำหนดคำว่า สัมปะจิตฉามิ พร้อมกับลมหายใจเข้าออกไปเรื่อย ๆ
ท่านยืนยันว่าพระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ว่า ถ้าใครตั้งใจทำจริง ถ้ากำลังถึงที่สุด สามารถแสดงฤทธิ์ได้เหมือนกับการฝึกกสิณ ๑๐ โดยตรง แล้วก็สั่งพระวัดท่าซุงเอาไว้ว่าให้ภาวนาอย่างน้อยเช้า ๑ ชั่วโมง เย็น ๑ ชั่วโมง
"ระยะนี้บรรดาเดียรถีย์คุกคามพระพุทธศาสนาหนักมาก ถ้าหากว่าเขาจาบจ้วงถึงขนาดกล่าวไว้ว่า พระพุทธศาสนาเป็นเรื่องหลอกลวงกัน เรื่องของอภิญญาสมาบัติเป็นการกล่าวถึงเพื่ออวดอ้างฤทธิ์ของครูบาอาจารย์ให้น่าสนใจเท่านั้นเอง ไม่ได้มีจริง พวกแกก็จะได้ไปแสดงให้เขาดู"
ดังนั้น...เมื่อเจ้าคุณหลวงตาท่านปรารภขึ้นมา กระผม/อาตมภาพจึงได้สนองรับ และขออาศัยเสียงนี้บอกกล่าวกับพระพี่พระน้องด้วยกันว่า ถ้าหากว่าหลวงตาท่านให้สัญญาณเมื่อไร ใครที่ตุนกำลังเอาไว้เต็มที่ ก็ให้มาร่วมขบวนพาเหรดด้วยกัน..!
ต้องบอกว่า เดินทางไปเพื่อการปฏิวัติ แต่ว่าไม่ได้ปฏิวัติยึดอำนาจ เป็นการปฏิวัติความเชื่อของบุคคลว่า สิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนเรามา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอภิญญาสมาบัติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ เทวดา นางฟ้า พรหม หรือว่าพระนิพพาน ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่เป็นของจริงที่ท้าพิสูจน์ได้
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-07-2022 เมื่อ 00:41
|