"ตอนแรกหลวงพ่อวัดท่าซุงก็แปลกใจ เพราะช่วงนั้นพระของวัดท่าซุงก็ห่มผ้าหลายสีเหมือนกัน ใครชอบใจสีไหนก็ห่มสีนั้น อย่างอาตมาห่มสีเหลือง หลวงพี่สามารถห่มสีกรัก หลวงพี่สมานห่มสีกรัก หลวงพี่เกรียงไกรห่มสีกรักเขียวแบบธรรมยุติ ลายไปหมดทั้งโบสถ์เลย ลงโบสถ์ทีหนึ่ง มองไป ๔ - ๕ สี
หลวงพ่อท่านก็ข้องใจ ตอนพักอยู่ท่านเห็นพระรูปหนึ่งเดินเข้ามา ห่มจีวรสีเหลืองแบบย้อมขมิ้น แต่ไม่มีตัว มีแต่จีวรเป็นรูปคนเดินเข้ามา หลวงพ่อท่านก็ถามว่า “ใครน่ะ ?” มีเสียงตอบว่า “ผมโมคคัลลาน์ครับ” หลวงพ่อถามว่า “แล้วมาทำไม ?” พระโมคคัลลาน์บอกว่า “มาให้ดูว่าสมัยนั้นผมห่มจีวรสีนี้ครับ” หลวงพ่อบอกว่า “อ้าว.! สีนี้ก็ใช้ได้ด้วยหรือ ?” ท่านตอบว่า “พระพุทธเจ้าอนุญาตผ้าย้อมน้ำฝาด แล้วขมิ้นหวานไหมเล่า ?” ตกลงว่าใช้ได้
สมัยโบราณเขาห่มผ้าย้อมขมิ้นกัน พอห่มไป ๆ สีจะหลุด จับติดผิว ถ้ายิ่งพระบวชนาน ๆ จะเหลืองเป็นขมิ้นเลย ผิวเหลืองเพราะขมิ้นย้อม สมัยนี้ต้องเข้าสปาขัดผิว เห็นมีบางวัดเข้าสปากันทุกอาทิตย์ เขาบอกว่าออกมาผิวจะได้ผ่อง ๆ ญาติโยมดูแล้วจะได้ศรัทธา อาตมาได้ยินแล้วก็คิดว่า มัวแต่ไปยุ่งเรื่องขันธ์ ๕ อยู่ ก็ไม่ต้องทำมาหากินเรื่องอื่นแล้ว"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-10-2012 เมื่อ 02:48
|