เรื่องของการสร้างวัด ถ้าไม่มีสายตา วัดจะรกเป็นสลัม เมื่อรกเป็นสลัม ไปทางด้านไหนก็เกะกะเลอะเทอะไปหมด อาตมาเองมาทำวัดนี้รื้อของเก่าทิ้งไปหลายหลัง แล้วก็ทำของใหม่เพิ่มขึ้นมาด้วย ก็เลยกลายเป็นวัดอย่างที่ญาติโยมเห็นอยู่
ปี พ.ศ. ๒๕๔๔ มาบูรณะครั้งแรก มีป้ายเบ้อเร่อเขียนว่าวัดท่าขนุนชี้เข้ามาตรงหน้าโบสถ์ แต่ญาติโยมจะเชื่อหรือไม่ว่า อาตมามองไม่เห็นโบสถ์เลย..! เพราะว่ารอบโบสถ์เป็นดงระกำ ถ้าโยมรู้จักต้นระกำ หน้าตาคล้าย ๆ ต้นปาล์มประเภทหนึ่ง เพียงแต่ว่าลำต้นติดดิน แล้วก็ใบสูงชะลูดไป โดยเฉพาะว่าแต่ละใบมีหนามยาวเป็นนิ้ว ๆ เต็มไปหมด แล้วหนามเปราะมาก เหยียบเมื่อไรหักคาเท้าก็น้ำตาเล็ดเมื่อนั้น เพราะว่าต้องผ่าออกอย่างเดียว อาตมารื้อดงระกำทิ้งไปทั้งดง ถึงมองเห็นโบสถ์วัดท่าขนุนได้
ในส่วนนี้ถ้าหากว่าญาติโยมไปทะนุบำรุงวัดที่ไหน พยายามจัดระเบียบหมวดหมู่ แบ่งวัดให้ออกเป็นพุทธาวาส ธรรมาวาส และสังฆาวาส
พุทธาวาส พูดง่าย ๆ ว่าที่อยู่ของพระพุทธเจ้า ส่วนใหญ่ก็คือโบสถ์ วิหาร เจดีย์ ให้อยู่ในหมู่เดียวกัน
ธรรมาวาส ส่วนใหญ่ก็คือศาลาการเปรียญที่ใช้แสดงธรรม ใช้ทำบุญทั่วไป
สังฆาวาส คือ เขตที่อยู่ของพระสงฆ์
สำหรับของวัดท่าขนุนนี่มีเขตแม่ชีอีกต่างหาก อยู่คนละฝั่งวัดกันเลยกับของพระ คือพระจะอยู่ด้านตะวันออกสุด ส่วนแม่ชีอยู่ด้านตะวันตกสุด ถ้าไม่ได้มาสวดมนต์ทำวัตรร่วมกันก็ไม่ต้องเจอหน้ากัน ยกเว้นตอนฉันอาหารเท่านั้น
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-06-2018 เมื่อ 16:32
|