เพียงแต่ว่าเรื่องการศึกษาคณะสงฆ์ของเรานั้น ควรที่จะศึกษาทางธรรมให้หนักแน่นมั่นคงก่อน ไม่อย่างนั้นก็จะไหลตามกระแสโลกไปหมด เนื่องเพราะว่าผู้คนสมัยนี้ ต้องบอกว่าไม่รู้กาลเทศะอย่างหนึ่ง นักบวชของเราไม่มีสำนึกในสมณสารูปอย่างหนึ่ง พอไปเรียนห้องเดียวกัน ความเป็นพระกับฆราวาสก็หาย เหลือแต่เพื่อน ซึ่งตรงนี้จะสร้างความเสียหายให้กับพระพุทธศาสนามาก
กระผม/อาตมภาพยังชื่นชมว่านิสิตของวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์ ก่อนที่จะเป็นวิทยาลัยสงฆ์ เราเป็นห้องเรียนขยายโอกาสของคณะพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย กระผม/อาตมภาพเจอนิสิตที่ดีมาก อย่างเช่นว่า ที่เป็นพระวิปัสสนาจารย์โครงการทุนเล่าเรียนหลวง อย่างคุณพรลักษณ์ แม้นบุตร หรือว่าปัจจุบันอย่างอาจารย์กัญญาพร สุทธิพันธ์ ของวิทยาลัยสงฆ์ ถึงเวลาคุยกับพระ จะคุกเข่ากับพื้น นั่นคือบุคคลที่สำนึกในเพศภาวะของตน แต่ขณะเดียวกัน นิสิตที่เป็นพระภิกษุสามเณรส่วนหนึ่ง กลับขาดสำนึกในสมณสารูปของตน เห็นเพื่อนนิสิตผู้หญิงสวยหน่อย กูจีบแม่..เลย..! โดยที่ไม่ได้สนใจว่าอาบัติสังฆาทิเสสหน้าตาเป็นอย่างไร ?!
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ถ้าหากว่าเรายังไม่มั่นคงในเรื่องของศีล ในเรื่องของสมาธิ แล้วไปเรียนทางโลก โอกาสที่เตลิดเปิดเปิงจะมีสูงมาก เพราะว่าครูบาอาจารย์สมัยนี้ ส่วนใหญ่แล้วสอนให้พวกเราละเมิดศีลกัน กระผม/อาตมภาพเจอมาเอง ตอนสมัยเรียนปริญญาตรี ท่านบอกว่า "พวกเราเรียนกันหนักมาก ถ้าตอนเย็นหิว ก็กินข้าวเย็นไปเถอะ กินแล้วก็ไปปลงอาบัติกัน" ฟังดูเหมือนกับเมตตามาก แต่สอนให้ลูกศิษย์ละเมิดศีลทุกวัน โดยเฉพาะเป็นการต้องอาบัติโดยไม่ละอาย เพราะรู้อยู่แล้วขืนทำ ซึ่งเป็นการต้องอาบัติที่เขาถือกันว่าเลวร้ายที่สุด..!
กระผม/อาตมภาพเคยเรียนถามพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ว่าวัดเราพร้อมทุกอย่าง ทำไมหลวงพ่อไม่เปิดเป็นสำนักเรียน ? ท่านบอกว่า "ข้าไม่อยากเอาเหี้ยเข้าวัด..!" พวกท่านไปคิดเอาเองก็แล้วกันว่า "เหี้ย" นั้นมาจากไหน..!?
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-04-2024 เมื่อ 02:40
|