ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 06-12-2013, 10:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,526
ได้ให้อนุโมทนา: 151,473
ได้รับอนุโมทนา 4,406,499 ครั้ง ใน 34,116 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ขอทบทวนว่า กองกรรมฐานที่จะต้องใช้อยู่อย่างสม่ำเสมอ ในการปฏิบัติธรรมของพวกเรา ประกอบไปด้วยอานาปานสติ พุทธานุสติ พรหมวิหาร ๔ และ มรณานุสติกรรมฐาน เมื่อกำลังใจของเราภาวนาจนทรงตัวแล้ว พอคลายออกมาต้องนำวิปัสสนาญาณต่างๆ มาพินิจพิจารณา ไม่เช่นนั้นแล้วความรัก โลภ โกรธ หลง จะอาศัยกำลังในการภาวนาของเรา ไปใช้ในการฟุ้งซ่านไปสู่อารมณ์อื่น ๆ ซึ่งจะทำให้ฟุ้งซ่านอย่างหนักแน่น เป็นหลักเป็นฐาน เป็นการเป็นงาน ดึงกลับได้ยาก เพราะได้กำลังจากสมาธิไปช่วย

การพินิจพิจารณานั้นส่วนใหญ่ ก็ยึดหลักในการดูให้เห็นสามัญลักษณะ คือความเป็นจริงของสรรพสิ่งทั้งหลาย ๓ ประการ ได้แก่ อนิจจัง ความไม่เที่ยง มีการเกิดขึ้นในเบื้องต้น เปลี่ยนแปลงไปในท่ามกลาง สลายตัวไปในที่สุด ทุกขังความเป็นทุกข์ การดำรงชีวิตอยู่ของเรา ตั้งแต่ลืมตาตื่นจนหลับตาลงไป เราเดินอยู่บนกองทุกข์ตลอดเวลา อนัตตาไม่มีอะไรยึดถือเป็นตัวตนเราเขาได้ ล้วนแล้วแต่ประกอบขึ้นมาจากธาตุ ๔ คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม ให้เราอาศัย ให้เขาอาศัยอยู่เพียงชั่วคราว จนถึงเวลาก็เสื่อมสลายตายพังไปตามสภาพ

เมื่อเราเห็นความเป็นจริงของร่างกายอันนี้แล้ว ก็จะเกิดความเบื่อหน่าย ถอดถอนจิตของตนออกมาจากการปรารถนาในร่างกายของตน เมื่อไม่ปรารถนาในร่างกายของตนเอง ก็ย่อมไม่ปรารถนาในร่างกายของคนอื่น เมื่อไม่ปรารถนาในร่างกายของตนเองและคนอื่น ก็ย่อมไม่ปรารถนาในโลกนี้ เมื่อไม่ปรารถนาในโลกนี้ ก็ย่อมไม่ปรารถนาในโลกอื่น ๆ คือ เทวโลกหรือพรหมโลกเช่นกัน

เมื่อเป็นดังนั้น ถ้าใครสามารถยกจิตไปสู่พระนิพพานได้ ก็ขึ้นไปกราบพระบนนั้น ถ้าใครไม่สามารถยกจิตไปสู่พระนิพพานได้ ก็ให้ตั้งใจนึกถึงพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่ง ที่เรารักเราชอบเป็นพิเศษ ให้คิดว่านั่นเป็นพระพุทธนิมิต คือภาพองค์แทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อเรากำหนดจิตเห็นท่าน ก็คือเราอยู่ใกล้ชิดกับท่าน การที่เราอยู่ใกล้ชิดกับพระองค์ท่าน ก็คือการที่เราอยู่บนพระนิพพานนั่นเอง ให้เอาจิตสุดท้ายของเราจดจ่ออยู่กับพระนิพพานดังนี้ แล้วภาวนาและพิจารณาไปตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้ยินสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันอาทิตย์ที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๖

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยรัตนาวุธ)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-12-2013 เมื่อ 02:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 53 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา