ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 23-06-2021, 23:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,838 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อเสร็จพิธี กราบลาพระท่านแล้ว ผมเพิ่งจะเห็นว่าเป็นเวลาทุุ่มกว่า เพราะว่าตอนที่อยู่ในสมาธินั้นสว่างเจิดจ้ามาก โดยเฉพาะก่อนวันเกิด ๑ วัน ผมจับภาพพระเป็นปกตินะครับ ตั้งแต่ปฏิบัติธรรมแบบจริง ๆ จัง ๆ มาตอนอายุ ๑๖ ปีนี้ ๖๒ เต็ม ย่างขึ้น ๖๓ ปี

ตอนแรกถ้าหากว่าไม่อาศัยบารมีพระพุทธเจ้า วงสมาธิของผมจะมืดมาก คำว่ามืดมากนั้น จริง ๆ ก็คือรู้เห็นได้ แต่เหมือนอย่างกับเวลากลางคืนแล้วเราตั้งใจมองอะไร อย่างเก่งก็เห็นเป็นเงาตะคุ่ม ๆ จากอายุ ๑๖ ปี ซักซ้อมแบบหัวไม่วางหางไม่เว้น จนคนรอบข้างว่า "บ้า" มาจนกระทั่งรับสังฆทานที่บ้านอนุสาวรีย์ชัยฯ หลายปี ก็น่าจะเกิน ๑๐ ปี

มีอยู่วันหนึ่งผมกำหนดใจออกไปแล้วผมก็แปลกใจ เพราะว่าผมสามารถแยกใบอ่อนกับใบแก่ของต้นไม้ได้ ก่อนหน้านั้นแค่รู้ว่านี่คือต้นไม้ ในเมื่อสามารถแยกใบอ่อนกับใบแก่ของต้นไม้ได้ ความละเอียดของจิตมีมากขึ้น เวลาเจอพรหม เทวดา หรือพระท่าน ก็สามารถที่จะเห็นรายละเอียดได้มากขึ้น เวลาสอนพวกท่านทั้งหลายเจริญกรรมฐาน ผมถึงได้ย้ำหนักย้ำหนาว่า ฝึกใหม่ ๆ อย่าเพิ่งเอารายละเอียด พวกคุณต้องเห็นว่า ผมเองซักซ้อมแบบหัวไม่วาง หางไม่เว้น ทำจนทุกคนรอบข้างว่าบ้า ยังใช้เวลาหลายสิบปี กว่าที่จะแยกออกว่าใบไม้อ่อนกับแก่ต่างกันอย่างไร

แต่มาปีที่อายุ ๖๒ ปีเต็ม วันนั้นเลย เพราะว่าถ้าเป็นวันที่ ๒๑ เมื่อไรก็เริ่มขึ้น ๖๓ ปี จากที่ผมเห็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปฐมไม่เคยชัดเจนมาก่อน เพราะว่าพระองค์ท่านเหมือนอย่างกับเป็นกลุ่มพลังงานในรูปองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่สว่างเจิดจ้า เหมือนเรามองพระอาทิตย์ยามเที่ยง เอารายละเอียดไม่ได้

วันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๖๒ ผมสามารถแยกรายละเอียดได้ อายุ ๑๖ จน ๖๒
ทำแบบไม่เคยทิ้งเลยแม้แต่วันเดียว ถึงแยกรายละเอียดได้ แล้วประกอบไปทรงฌานตั้งเวลา ๑ ชั่วโมงเต็ม ๆ ตอนพิธีปลุกเสก ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้ประมาณ ๓๐ ชั่วโมง ผมยังไม่ได้นอนเลย..! ใจสว่างโพลง ตื่นอยู่ตลอดเวลา ถ้าเหนื่อยมากก็ใช้วิธีเอนหลัง ภาวนาสัก ๒๐ นาที ๓๐ นาที แล้วก็ทำงานต่อ

เรื่องนี้ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายทำถึงตรงจุดนี้ อย่าไปคิดว่าเราไม่ได้หลับ ถ้าร่างกายเอนลงไปนอนแล้ว ได้พักผ่อนแล้ว สภาพจิตของเรา ถ้าทำถึงจริง ๆ จะตื่นหรือหลับ จิตของเราจะตื่นรู้เท่ากัน อย่างที่เคยบอกไปหลายครั้งว่า แม้แต่เรากรน ยังรู้ว่าเรากรน แสดงว่าร่างกายหลับ แต่ใจของเราตื่น

ในเมื่อเคยชินกับสภาพเช่นนี้ ผมก็เลยไม่ได้ตื่นเต้นอะไร เพียงแต่ว่าเรียนถวายท่านทั้งหลายและบอกกล่าวให้แก่ญาติโยมว่า ในเรื่องของการปฏิบัติธรรมนั้น ถ้าเราตั้งใจทำจริง ๆ ความก้าวหน้าจะมีไปเป็นลำดับ ๆ ไม่ต้องมองอะไรมาก แค่มองไปว่า ก่อนหน้านี้ เรารักษาศีลได้ครบถ้วนหรือไม่ แล้วปัจจุบันนี้เป็นอย่างไร ? แค่นั้น เราก็จะเห็นความก้าวหน้าแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-06-2021 เมื่อ 03:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 45 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา