ลูกศิษย์พระเดชพระคุณหลวงพ่อหลายต่อหลายท่านที่อยู่ในจังหวัดกาญจนบุรี ถ้าหากว่าบอกกล่าวไป ชื่อเสียงก็เป็นที่รู้จักกันทั่วทั้งวัดท่าซุง ต่อว่ามาหลายครั้งแล้ว โดยเฉพาะตอนที่กระผม/อาตมภาพไปงานที่วัดประตูด่าน ซึ่งให้ท่านอาจารย์ติงลี่ (พระอธิการสมมาศ คุณาธิโก) ไปเป็นเจ้าอาวาสอยู่ การที่ท่านอาจารย์ติงลี่ไปหาคนเก่า ๆ กระผม/อาตมภาพก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ไม่ใช่นิสัยของตัวเองที่จะทำแบบนั้น
ถ้าหากว่านิสัยของกระผม/อาตมภาพเป็นแบบนั้นก็คงจะไม่ออกระเบียบวัด "ห้ามบอกบุญ ห้ามเรี่ยไร" เพราะว่าเรื่องพวกนี้ คนโบราณเขาบอกว่า "ทิฏฐิพระ มานะกษัตริย์" ซึ่งหลวงลุงสุนทร สุธมฺมสุนฺทโร รุ่นน้องที่อยู่วัดท่าซุงเคยทักท้วงกระผม/อาตมภาพว่า "หลวงพี่..พระยังมีทิฏฐิ เรียกว่าพระไม่ได้ กระผม/อาตมภาพบอกว่าต้องมี ถ้าไม่มีสัมมาทิฏฐิต่างหากที่เป็นพระไม่ได้..!"
ตรงจุดนี้ก็คือว่า สิ่งหนึ่งประการใดที่พระภิกษุสงฆ์ หรือว่าพระมหากษัตริย์ทำ มักจะเป็นเรื่องที่เกินกว่ากำลังใจของคนทั่ว ๆ ไปจะทำ เหตุที่เป็นเช่นนั้น ต้องใช้คำว่า "ศักดิ์ศรี" ซึ่งตรงนี้ถ้าท่านทั้งหลายไม่ระวัง จะกลายเป็นสักกายทิฎฐิและมานะ
ศักดิ์ศรี อย่างเช่นที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ให้พระภิกษุของเราประทุษร้ายตระกูลด้วยการประจบคฤหัสถ์ เราจะเห็นว่าถ้าพระภิกษุสามเณรไปประจบคฤหัสถ์ ยอมตัวให้คฤหัสถ์เขาใช้ จะเสียหายหมดทั้งคณะสงฆ์ ทุกคนจะตีราคาพระภิกษุสามเณรในพระพุทธศาสนาต่ำต้อยด้อยค่า ต่ำเตี้ยติดดินทันที
ดังนั้น...เราจะเห็นว่าแม้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ยังบัญญัติศีลเอาไว้เพื่อป้องกันตรงนี้ แต่เราต้องระมัดระวังให้ดี เพราะว่าความพอเหมาะ ความพอดีนั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก ใกล้ชิดเกินไปก็ไม่ได้ ห่างเหินเกินไปก็ไม่ได้ จนกระทั่งมีโยมหลายท่านโกรธไปแล้วว่า มาวัดทั้งที กระผม/อาตมภาพไม่ได้ใส่ใจที่จะพูดคุยอะไรมากมายเลย
แล้วจะคุยไปทำอะไร ? เสียเวลารักษาอารมณ์ใจของเรา ประมาทเมื่อไร โดนกิเลสกินใจได้ต่างหาก ถึงเป็นเรื่องที่เสียหายใหญ่หลวง
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-06-2022 เมื่อ 02:33
|