เรื่องที่ฆราวาสนั่งรับกฐินแทนพระนี่เป็นเรื่องของพระศาสนาเลย คือข้อปฏิบัติที่ผิดเพี้ยนอย่างนี้ จะเป็นตัวบ่อนเซาะและทำลายพระพุทธศาสนาอย่างถึงแก่น กลายเป็นบัญญัติในสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติ เพิ่มเติมในสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่ได้เพิ่มเติม
แล้วถ้าคนเห็นดีเห็นงามมากขึ้นไปเรื่อย อย่างเช่นสมัยที่ท่านกราบแม่ที่เป็นฆราวาส ทั้ง ๆ ที่ตัวเองยังห่มเหลืองอยู่ แล้วผมก็ได้วิพากษ์วิจารณ์ไปแล้ว แม้กระทั่งปัจจุบันนี้ก็ยังมีพระสงฆ์หลายรูปเห็นดีเห็นงาม แล้วก็กราบฆราวาสที่เป็นแม่เป็นพ่อตนเอง ซึ่งผมบอกว่ามีแต่จะทำให้พ่อแม่ตนเองลงอเวจีมหานรก เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าถ้าถึงเวลาแล้ว พ่อแม่คิดว่าครั้งที่แล้วลูกมากราบ ครั้งนี้ทำไมไม่กราบ..แบบนี้ก็บรรลัยแน่เลย..!
ดังนั้น...เรื่องพวกนี้เราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษาให้ชัดเจนและถ่องแท้ ถึงเวลาจะได้เป็นทนายแก้ต่างให้กับพระพุทธศาสนาได้ ไม่ใช่อยู่อาศัยพระศาสนาไปวัน ๆ เป็นเรื่องที่เราต้องเรียนให้รู้จริง รู้จริงแล้วต้องบอกกล่าวคนอื่นได้อย่างชัดเจน อะไรเกิดขึ้นต้องอธิบายได้ แล้วก็อย่าอธิบายด้วยการใช้อคติหรือว่าใช้อารมณ์ ต้องเป็นการชี้แจงตามข้อเท็จจริง ที่เป็นพระธรรมเป็นวินัยจริง ๆ ไม่ใช่เห็นไม่ถูกตา ไม่ถูกใจก็ด่าเอาไว้ก่อน ถ้าลักษณะอย่างนั้น ไม่ถือว่าใช้ได้
ผมต้องไปร่วมประชุมผู้บริหารของวิทยาลัยสงฆ์ จึงขอฝากพระภิกษุสามเณรของเรา ตลอดจนกระทั่งบอกกล่าวแก่ญาติโยมไว้แต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๓ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๔
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-11-2021 เมื่อ 01:52
|