ตรงจุดนี้ถ้าจะว่าไปแล้ว ตัวเราทั้งหลายเองที่เป็นนักปฏิบัติธรรมนั้น ถ้าหากว่ากำลังใจมั่นคง ถึงระดับทรงฌานได้ ข่าวคราวทั้งหลายเหล่านี้ก็จะไม่มีอิทธิพลสำหรับตัวเราเลย เพราะว่าบุคคลที่ทรงฌานได้นั้น จะมีความสุขอยู่กับสมาธิตรงหน้า อยู่ในวิหารธรรมของผู้ที่ปราศจาก รัก โลภ โกรธ หลง ชั่วคราว ความสุข ความสดชื่น ความแจ่มใสตรงนั้น ไม่มีอะไรที่จะมาทดแทนได้
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายยังไปสนใจเรื่องราวภายนอกอยู่ ก็เป็นเครื่องวัดได้อย่างหนึ่งว่า ท่านทั้งหลายยังก้าวไม่พ้นกิเลสหยาบเบื้องต้น ก็คือนิวรณ์ ๕ เลย
นิวรณ์ ๕ นั้นประกอบไปด้วย กามฉันทะ คือความยินดีในรูปสวย เสียงเพราะ กลิ่นหอม รสอร่อย สัมผัสระหว่างเพศ
เรื่องพยาบาท ก็คือ การโกรธ เกลียด คิดอาฆาตแค้นบุคคลอื่น
เรื่องของถีนมิทธะ คือความง่วงเหงาหาวนอน ชวนให้ขี้เกียจปฏิบัติ
เรื่องของอุทธัจจกุกกุจจะ คือความหงุดหงิดฟุ้งซ่าน รำคาญใจ
และเรื่องของวิจิกิจฉา คือลังเลสงสัย เพราะว่าเข้าไม่ถึงผลของการปฏิบัติอย่างแท้จริง
ถ้าท่านทั้งหลายยังใส่ใจอยู่ในเรื่องของโลก ๆ ก็แปลว่าท่านทั้งหลายยังไม่สามารถที่จะก้าวข้ามในเรื่องของนิวรณ์ ๕ ได้โดยเด็ดขาด โอกาสที่ท่านทั้งหลายจะตกต่ำ กำลังใจตก สมาธิตก กรรมฐานแตกก็จะมีเกิน ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์
แต่ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายรู้จักประพฤติปฏิบัติในการที่จะรักษากำลังใจของตน ตามหลักของโอวาทปาฏิโมกข์ คือสัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง ให้ละเว้นจากการกระทำชั่วทางกาย ทางวาจา ทางใจทั้งปวง
กุสะลัสสูปะสัมปะทา ให้รู้จักสั่งสมบุญกุศลด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ คือประกอบเฉพาะในส่วนของกายสุจริต วจีสุจริต และมโนสุจริต และข้อสุดท้าย สำคัญที่สุดสำหรับนักปฏิบัติธรรมก็คือ สะจิตตะปะริโยทะปะนัง การชำระจิตของตนให้ผ่องใส ปราศจากกิเลส แม้ว่าจะเป็นการปราศจากกิเลสชั่วคราวในลักษณะของโลกียฌาน ก็มีคุณค่าแก่เราอย่างสูงยิ่ง
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-01-2022 เมื่อ 02:24
|