พระอาจารย์กล่าวว่า "ไม่ทราบว่าอาตมาเคยเล่าให้พวกเราฟังแล้วหรือยังว่า มีโยมคนหนึ่งตั้งใจจะถือกรรมบถ ๑๐ แต่อยู่ร่วมกับพวกที่ทำงานไม่ได้ เพราะเขากลัวผิดกรรมบถ ๑๐ เวลาเจ้านายถาม เขาก็ไม่พูดด้วย เพื่อนร่วมงานถาม เขาก็ไม่พูดด้วย เขาเรียกว่าปฏิบัติธรรมแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ กลัวผิดกรรมบถ ๑๐ เจ้านายคุยเรื่องงานแล้วไม่คุยด้วย แล้วจะรู้เรื่องไหม ? เพื่อนร่วมงานถามก็ไม่คุยด้วย จึงอยู่ร่วมกับเขาไม่ได้
วันก่อนเขาโทรศัพท์มาบอกว่า ตอนนี้ไปนับถือศาสนาคริสต์แล้ว คงจะเห็นว่าปฏิบัติตามศาสนาพุทธแล้วอยู่ร่วมกับคนอื่นไม่ได้ แต่ที่เขาโทรศัพท์มามีปัญหาว่า ไปภาวนาว่า “เยซู..เยซู” แล้วทำไมสติสมาธิไม่ทรงตัวเหมือนพุทโธ ? อาตมาจึงบอกไปว่า เป็นผู้ใหญ่แข็งแรง ๆ แล้วคุณลดตัวเองลงไปเป็นเด็ก จะเอากำลังเหมือนผู้ใหญ่ได้อย่างไร ? อันนี้คืออย่างหนึ่ง เพราะพระพุทธเจ้าเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ส่วนพระเยซูท่านยังเป็นพระโพธิสัตว์อยู่
อีกประการหนึ่งก็คือ ไปเปลี่ยนคำภาวนาที่ตัวเองไม่เคยชิน สมาธิก็เลยไม่ทรงตัว เขาก็ยังมีข้อแย้งว่า ในเมื่อไปถือศาสนาคริสต์ ถ้าไม่เอ่ยนามพระบิดา แต่ไปเอ่ยนามศาสดาอื่น เกรงพระบิดาจะไม่พอใจ อาตมาจึงบอกไปว่า "พระบิดาไม่โง่เหมือนแกหรอก..!"
สรุปว่าเขาไปถือศาสนาไหนก็โง่ต่อไป ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่น่าเวทนา ไปได้ไกลขนาดนั้น ถ้าหมดท่าขึ้นมา เห็นว่าสมาธิไม่ทรงตัว อาจจะไปถืออิสลามเข้าอีกศาสนาหนึ่ง เผื่อละหมาดวันละ ๕ ครั้งแล้วอาจจะดีขึ้น..!"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-09-2012 เมื่อ 15:42
|