"ส่วนใหญ่แล้วเขาไม่เข้าใจในเรื่องของพระวินัย เพียงแค่ว่ามีศรัทธาที่จะบวช ก็คิดว่าบวชแล้วจะไปอยู่ที่ไหนก็ได้ ยังต้องศึกษาเกี่ยวกับพระธรรมวินัย ตลอดจนกระทั่งวิธีวัตร กิจวัตร อาคันตุกวัตรต่าง ๆ ให้เข้าใจทั่วถ้วน รู้ครบครันก่อนแล้วถึงจะไปได้ ถ้าหากว่า ๕ พรรษาไปแล้ว อาจารย์เห็นว่ายังรู้ไม่ครบก็จะยังไม่ปล่อยไป เขาเรียกว่ายังไม่ได้นิสัยมุตตกะ ยังต้องอยู่กับครูบาอาจารย์เพื่อศึกษาต่อ
แต่นี่หัวหน้าทีม ๒ พรรษา ที่เหลือพระใหม่ล้วน ๆ ไม่รู้มากันได้อย่างไร พูดง่าย ๆ ว่ามาด้วยใจจริง ๆ เลย แล้วถามว่าอาจารย์เจ้าสำนักไม่ได้มาหรือ ? เขาบอกว่าอาจารย์จะนั่งรถไปรอที่ด่านเจดีย์สามองค์ ลูกศิษย์เดินจากนนทบุรีไปถึงโน่น
สมัยก่อนก็มีพระครูของวัดมหาธาตุรูปหนึ่ง ที่ตอนหลังโดนจับสึกไปเพราะว่าชอบแต่งตัวเป็นทหารพันเอกไปเที่ยวไนต์คลับ นั่นเขาจะจัดธุดงค์ ออกกันทีละ ๓๐๐ รูป อาตมาเคยไปเจอกลางป่าอยู่ครั้งหนึ่ง ไม่ได้เจอขบวนธุดงค์หรอก เจอแต่ร่องรอยที่ท่านไป เดินตามท่านไปไม่นานเก็บขยะได้เป็นย่ามเลย โดยเฉพาะทำให้อาตมาหลงทาง คนเป็นร้อย ๆ เดินพร้อม ๆ กัน ย่ำราบเป็นหน้ากลอง ทางเล็ก ๆ ที่อาตมาเคยเดินแล้วแยกเข้าป่า โดนเหยียบหายหมดจนหาทางไม่เจอ
การธุดงค์หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า ธุดงค์ชั้น ๑ ไปรูปเดียว ธุดงค์ชั้น ๒ ไป ๒ รูป ธุดงค์ชั้น ๓ ไป ๓ รูป มากกว่านั้นไม่ต้องไปแล้ว ไปคุยกันมากกว่า ไม่ได้คิดจะไปปฏิบัติแล้ว ส่วนอาตมาตอนหลังก็เคยชินกับการไปไหนคนเดียว บางทีลูกศิษย์ก็ถามว่า ทำไมอาจารย์ไม่ให้ใครตามไปบ้าง อาตมาก็เลยบอกเขาว่า เวลาวิ่งหนีอะไรจะได้ไม่ต้องอายเขา แต่ความจริงแล้วไม่ใช่หรอก..รำคาญที่เขาตามไม่ทันแล้วอาตมาต้องไปรอเขาอีก"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-08-2012 เมื่อ 11:19
|