| 
			
			 
			
				01-08-2012, 09:25
			
			
			
		 | 
	| 
		
			
			| ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว |  | 
					วันที่สมัคร: May 2009 
						ข้อความ: 3,361
					 ได้ให้อนุโมทนา: 23,340 
		
			
				ได้รับอนุโมทนา 189,093 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
			
		
	      |  | 
	
	| 
				  
 
			
			มาร ๕“ขันธมาร รูปขันธ์ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณไปเรื่อยรวมไปหมดขันธมาร
อภิสังขารมาร มารในจิต คือความคิด ความปรุง สังขารเป็นมารอันหนึ่งของเรา เราจะทำอะไร ๆ นี้ เราต้องคิดเสียก่อน แล้วกิเลสมาคิดก่อน สมมุติว่า เราคิดว่าจะไปเดินจงกรม กิเลสคิด ‘ปั๊บ’  ขึ้นมาว่า พักสักเดี๋ยวเสียก่อน..เข้าใจไหม ...
เทวบุตรมาร เทวบุตรมารก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง ยกไว้เป็นธรรมาธิษฐาน บุคคลาธิษฐานสิ ถ้าบุคคลาธิษฐานก็เทวบุตรมารฝ่ายดี ที่มีส่วนเป็นภัยบ้างในฝ่ายดี ดูอย่างพระพุทธเจ้านะ มีมารแทรกอยู่ได้ นี้ฝ่ายเทวบุตรมาร...   
กิเลสมาร เป็นตัวสำคัญมากยิ่งกว่าขันธมาร... สิ่งที่เข้ามาเคลือบแฝงกับจิตจนกลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวนั้น คืออะไร ท่านให้ชื่อว่ากิเลส ตามหลักธรรมให้ชื่อว่ากิเลส ท่านแปลว่าความเศร้าหมอง ... มันหากมีแง่ มีเล่ห์มีเหลี่ยม หลายสันพันคมที่จะหลอกเราให้เชื่อตามมัน .. จากเศร้าหมองก็มืดตื้อ ผลของมันก็คือความทุกข์ตั้งแต่น้อยไปถึงความทุกข์ใหญ่ เรียกว่ามหันตทุกข์ เกิดขึ้นเพราะอำนาจของกิเลสนี้ทั้งนั้น ... ถ้าจะทำความดีแล้วไม่ว่าเล็กว่าใหญ่ จะต้องถูกกีดขวางจากมาร ซึ่งแฝงอยู่ภายในจิตดวงเดียวกันนั้นแลโดยไม่ละเว้น .. เรียกว่ามาร กิเลสมาร ... การที่จะแก้ไขถอดถอน หรือกำจัดซักฟอก สิ่งที่แทรกซึมจนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับใจนี้ให้ออกได้โดยลำดับนั้น จึงต้องใช้ความพยายามเต็มที่ จะหนักเบาเพียงไรก็ตาม ...
มัจจุมาร คือความตาย ความตายทำลายทุกสิ่งในชีวิต บางทีกำลังก้าวหน้าในชีวิตทั้งทางโลกและทางธรรม ก็มาด่วนตายเสียก่อน ความตายจึงตัดโอกาสดี ๆ ในชีวิต...” 
				 แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-08-2012 เมื่อ 11:53
 |