"พอมาในยุคปัจจุบัน อะไรต่อมิอะไรหายหมด ไม่ได้เห็นฟักข้าวมานานแล้ว ฟักข้าวเป็นไม้เถาเลื้อย ลูกเหมือนทุเรียนเล็ก ๆ แต่หนามไม่ได้ใหญ่ขนาดหนามทุเรียน หนามเหมือนหนามขนุน ลูกเล็ก ๆ สีเขียว ๆ แกงส้มอร่อยมาก ต้มจิ้มน้ำพริกก็ได้ พวกนักวิจัยเขาเอาไปทดสอบดูแล้ว ฟักข้าวมีสารประเภทต้านอนุมูลอิสระสูงมาก เขาเลยมั่นใจว่า พวกที่ใช้ฟักข้าวทำอาหาร น่าจะไม่เป็นมะเร็ง

ฟักข้าว
ฟักข้าวลูกค่อนข้างจะกลม ๆ รี ๆ หน่อย มีแต่หนาม ถ้าสุกจะเป็นสีส้มหรือสีแดง สมัยวัยรุ่นอาตมาใช้เป็นเป้าปืนลูกซอง เพราะเด่นดี บ้านยายของอาตมาอยู่ที่สวนบางกอกน้อย สมัยนั้นถือปืนไล่ยิงนก ยิงหนู ยิงกระรอกกระแตในสวนไปเรื่อย วันไหนหาอะไรยิงไม่ได้ก็ยิงฟักข้าว
ตอนเป็นทหารอาตมาไม่ได้ไปบ้านยายเสียนาน พอลาได้ก็ไปบ้านยาย เอาปืนมาทำความสะอาดเสร็จ เปิดหน้าต่างออกไป กะว่าจะยิงฟักข้าวต้นที่อยู่แถวนั้น ปรากฏว่ากลายเป็นบ้านจัดสรรไปแล้ว พวกเรารุ่นหลัง ๆ ไม่รู้หรอกว่าถนนสายปิ่นเกล้าพุทธมณฑลนั้นผ่าเข้าไปกลางสวนเลย เดิมเป็นท้องร่องสวน
ปี ๒๕๒๑ อาตมาฝึกมโนมยิทธิ ครูฝึกเขาให้ดูว่า อีกประมาณ ๒๐-๓๐ ปีข้างหน้ากรุงเทพฯ จะมีสภาพเป็นอย่างไร พอดูเสร็จอาตมาก็บอกครูฝึกว่า มีถนนซ้อนถนนเต็มไปหมดเลยครับ ครูฝึกบอกว่าให้รอดูไป พอถึงเวลาแล้วจะมีจริงไหม ในที่สุดก็โผล่มาจริง ๆ ทางด่วนขั้นที่ ๑ ขั้นที่ ๒ แถมยังมีรถไฟลอยฟ้าให้ยุ่งไปหมด
แสดงว่าในเรื่องอนาคตังสญาณเป็นเรื่องจริง แล้วจุดที่เห็นก็คือตรงปิ่นเกล้าพุทธมณฑลที่ตัดออกไปตลิ่งชัน - บางบัวทอง ถนนไขว้กันให้มั่วไปหมดเลย"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-07-2012 เมื่อ 12:59
|