ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 11-07-2012, 18:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,642
ได้ให้อนุโมทนา: 151,907
ได้รับอนุโมทนา 4,415,439 ครั้ง ใน 34,232 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๕

ขอให้ทุกท่านนั่งในท่าที่สบายของตัว ตั้งกายให้ตรง กำหนดความรู้สึกทั้งหมดอยู่กับลมหายใจเข้าออกเฉพาะหน้า หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอย่างไรก็ได้ตามความถนัดของเรา

วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๓๐ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๕ เป็นการปฏิบัติธรรมวันที่สองของต้นเดือนกรกฎาคมของพวกเรา เมื่อวานได้กล่าวถึงพื้นฐานความดีเบื้องต้น ก็คือศีลไปแล้ว สำหรับวันนี้จะกล่าวถึงเรื่องของสมาธิ ก็คือสิ่งที่เรากำลังปฏิบัติกันอยู่

สมาธินั้นเป็นพื้นฐานใหญ่ที่จะสร้างปัญญาให้เกิด ก่อนที่ปัญญาจะเกิด สมาธิที่ทรงตัวตั้งมั่น ก็ยังมีอำนาจที่จะกดกิเลส รัก โลภ โกรธ หลง ให้ระงับลงไปได้ชั่วคราวด้วย การทรงสมาธิจึงสามารถทำให้เราปลอดภัยจากกิเลสได้ในระดับหนึ่ง จนกว่าสมาธินั้นจะคลายตัวลง กิเลสจึงงอกงามเหมือนเดิม

ในการที่เราจะปฏิบัติสมาธิภาวนานั้น สิ่งที่ลืมไม่ได้เลย คือ ลมหายใจเข้าออก เพราะว่าลมหายใจเข้าออกนั้นเป็นพื้นฐานที่จะทำให้สมาธิของเราทรงตัวตั้งมั่นได้ สมาธินั้นประกอบไปด้วยขณิกสมาธิ คือ อารมณ์ที่ทรงตัวเป็นสมาธิเพียงเล็กน้อย ชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น

อุปจารสมาธิ อารมณ์ที่ทรงสมาธิเริ่มแนบแน่นขึ้น แต่ว่ายังไม่ทรงตัวมั่นคง และอัปปนาสมาธิ สมาธิที่ทรงตัวแนบแน่น ตั้งแต่ระดับปฐมฌานขึ้นไป จนกระทั่งเป็นฌาน ๔ หรือสมาบัติ ๘ ก็ตาม
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-07-2012 เมื่อ 18:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 88 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา