จริง ๆ  ครับ คือ ตัวเรานี่  จะดีก็ที่ตัวเรา ชั่วก็ที่ตัวเรา สำคัญตรงที่ก้าวสุดท้ายว่าเราจะเลี้ยวไปทางไหน  ตอนนั้นจะต้องมีการตัดสินใจ  แต่ว่าตอนเจอกับกิเลสนั้นจะไม่เหมือนการตัดสินใจในงานที่เราทำอยู่  งานที่เราทำอยู่เราพอจะอนุมานได้ว่า ถ้าตัดสินใจอย่างนี้แล้วผลจะเป็นอย่างไร   แต่อันนี้ไม่ใช่  เมื่อเราตัดสินใจว่าจะทำ...กิเลสก็จะหลอกเราว่าทางด้านนี้ดี  บางทีทุกอย่างลงตัวเป๊ะเลย แต่ก้าวสุดท้ายนั้นไม่ใช่  เห็นทางดี ๆ อยู่ข้างหน้า ก้าวไปก็กลายเป็นเหวไปได้   
 
เพราะฉะนั้น..ถ้าหากตั้งใจสู้กับกิเลสจริง ๆ เป็นเรื่องที่ละเอียดและก็ยากมาก  แต่ก็ไม่เกินความสามารถของเรา เพราะว่าถ้าหลอกเราละเอียดขนาดนั้น  ก็แปลว่ากำลังของเราเพียงพอที่จะก้าวข้ามได้  เขาถึงต้องเอาตัวความละเอียดระดับนั้นมาหลอกเรา   ถ้าเราไม่ถึงขนาดนั้นเขาก็เอาที่หยาบ ๆ มาหลอกเรา จะเป็นชั้น ๆ  ไปเรื่อย   
 
คราวนี้มีปัญหาตรงที่ว่า ส่วนใหญ่แล้วพอรู้เห็นแล้ว ก็จะคึก จะคะนอง  ทำนั่น ทำนี่ไปเรื่อยเปื่อย  เหมือนกับพวกม้าดื้อวัวดื้อ  ถ้าปล่อยให้หลุดจากคอก มันก็จะไปของมันเอง  กว่าจะลากกลับมาได้ก็เหนื่อย ส่วนใหญ่พอลากแล้วมันไม่กลับ ตัวไหนดุ ๆ หน่อยมันจะเตะคนลากด้วย  ก็เลยมีปัญหาว่า พอถึงเวลาแล้วไม่อยากจะสอน  เพราะเห็นโทษว่า ถ้าปัญญาไม่ถึง ก็จะทำให้ติดนาน 
 
เอาเป็นว่าลองไปฝึกที่บ้านสายลมตอนต้นเดือน  หรือไม่ก็ที่วัดท่าซุงหรือบ้านสุมโน  คราวนี้ถ้าฝึกจากตรงนั้นแล้วมีปัญหาติดขัดมาถามผมได้  แต่ถ้าให้สอนเองผมกลัวจังเลย กลัวจะทำให้ท่านติดมากขึ้น
		 
		
		
		
		
		
		
			
				__________________ 
				........................ 
 
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง 
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
			 
		
		
		
		
		
			
				  
				
					
						แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-03-2010 เมื่อ 01:59
					
					
				
			
		
		
		
	
	 |